ฟิลิปปินส์ตั้งเป้ามี 500 สตาร์ทอัพใน 5 ปี
กรมการค้าและอุตสาหกรรมของฟิลิปปินส์ตั้งเป้าให้มี 500 บริษัทสตาร์ทอัพภายในปี 2563 ด้วยมูลค่ารวมถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 70,000 ล้านบาทและจะทำให้ฟิลิปปินส์กลายเป็นฮับของนวัตกรรมรุ่นใหม่ในภูมิภาคอาเซียน
โดยคาดการณ์ว่าสตาร์อัพเหล่านี้จะใช้เงินทุนในการก่อตั้งบริษัทประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 7,000 ล้าน บาท และทำให้มีการจ้างงานประมาณ 8,500 งาน นับเป็นการพัฒนาที่จะช่วยหนุนให้รัฐบาลประสบความสำเร็จในการผลักดันตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นายโนรา เค.เทราโด อธิบดีกรมการค้าและอุตสาหกรรม กล่าวว่า “มีกรณีความสำเร็จของสตาร์ทอัพในฟิลิปปินส์ให้เห็นมากมายในปัจจุบัน ที่เราทำได้คือการผลักดันบรรดาสตาร์ทอัพเหล่านี้ เพื่อทำให้พวกเขามีเงินร่วมลงทุนมากพอและหนุนส่งศักยภาพของพวกเขาสู่ระบบเศรษฐกิจระดับโลก โดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนตัวตนที่มีอยู่ของพวกเขาให้ดีที่สุด”
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน มีมากกว่า 30 นักประดิษฐ์คิดค้นชาวฟิลิปปินส์ที่ถือครอง 23 สิทธิบัตรใน 12 บริษัทต่างชาติ ทำให้กรมการค้าและอุตสาหกรรมมองว่า สตาร์ทอัพคือตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทรงอานุภาพในยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร
โดยหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของภาครัฐคือ การตั้งเป้าพัฒนาให้เกิดผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรุ่นใหม่ผ่านการคิดค้นนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ นายเทราโดกล่าวว่า
“หากเรานิยามเศรษฐกิจด้านนวัตกรรมของฟิลิปปินส์ เราต้องมุ่งไปที่การเพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ คือจะไม่เป็นเพียงแค่ดิจิทัลสตาร์ทอัพเท่านั้น แต่จะเป็นการค้นคว้าในส่วนของเกษตรกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ อิเล็คโทรนิคส์ อีคอมเมิร์ซ และอีกมากมายด้วย”
ทั้งนี้ จากผลการประเมินขององค์กรทรัพย์สินทางปัญญาโลกในปี 2558 ฟิลิปปินส์ไต่ระดับขึ้นมาถึง 17 ระดับ โดยขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 83 ในดัชนีนวัตกรรมโลก
จากผลลัพธ์ที่น่าประทับใจในดัชนีนวัตกรรมโลกนี้ ทำให้ฟิลิปปินส์ให้ความร่วมมือในเรื่องการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้มีคุณสมบัติมากพอจะเป็นฮับของนวัตกรรมรุ่นต่อไปในเอเชีย
โดยในภูมิภาคอาเซียน ฟิลิปปินส์อยู่ในอันดับ 2 ในเรื่องการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเคร่งครัดในปี 2557 หนึ่งในนวัตกรรมชั้นนำของฟิลิปปินส์คือ ซาลาเมนเดอร์โดยเอชทูโอเทคโนโลยี ซึ่งเป็นพาหนะสะเทินน้ำสะเทินบกที่ทรงประสิทธิภาพในช่วงน้ำท่วม
โดยซาเมนเดอร์นี้เป็นพาหนะสามล้อที่มี 6 ที่นั่งที่ใช้ในการลุยน้ำท่วมในเมืองได้เป็นอย่างดี มี 2 ระบบเชื้อเพลิงให้เลือกใช้ คือไฟฟ้าและน้ำมันซาลาเมนเดอร์ถูกคิดค้นพัฒนาขึ้น ภายใต้แรงขับเคลื่อนของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเป็นพาหนะที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และช่วยตอบโจทย์ปัญหาน้ำท่วมในประเทศ.