MPI เดือน ก.พ.ลด 0.45%
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนก.พ. ปี 2566 หดตัว 0.45% เมื่อเทียบจากเดือนก่อน รับผลกระทบอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอลงหลังสภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบาง ด้านอุตสาหกรรมที่เน้นตลาดในประเทศ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง พร้อมคาดการณ์ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. 2566 จะทรงตัวหรือดีขึ้นเล็กน้อย
นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 98.89 หดตัวเล็กน้อยที่ 0.45% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 61.87% โดยอุตสาหกรรมที่เน้นตลาดในประเทศ รวมถึงที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวหลายอุตสาหกรรมยังขยายตัวได้ดี ได้แก่ รถยนต์ 6.64% การกลั่นน้ำมัน 7.33% รถจักรยานยนต์ 27.99% รองเท้า 6.7% และกระเป๋า 34.71% แม้การผลิตภาคอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบจากอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอลง เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบาง โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีในเดือนก.พ. ปี 2566 ได้แก่ น้ำตาล ขยายตัว 23.46% จากน้ำตาลทรายดิบและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ เนื่องจากความต้องการบริโภคทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ประกอบกับผลผลิตอ้อยเข้าสู่โรงงานปีนี้มีปริมาณมากกว่าปีที่ผ่านมา รถยนต์ ขยายตัว 6.64% จากการได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้นในรถยนต์หลายรุ่น ทำให้สามารถผลิตได้เพิ่มขึ้น และการกลั่นน้ำมัน ขยายตัว 7.33 จากการผลิตน้ำมันเครื่องบิน และแก๊สโซฮอล์ที่เพิ่มขึ้น เป็นไปตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ สศอ. ได้คาดการณ์ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมีนาคม ปี 2566 จะทรงตัวหรือดีขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากอุปสงค์สินค้าในตลาดโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจประเทศสำคัญของโลกทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ การบริโภคในประเทศยังขยายตัวได้จากอานิสงส์ของภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และค่าระวางเรือปรับตัวลง ทำให้ต้นทุนในการผลิตภาคอุตสาหกรรมมีทิศทางลดลง สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวังและติดตาม ได้แก่ รายจ่ายของภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น วิกฤตการเงินและเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกา และสงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐอเมริกา จีน และประเทศพันธมิตร
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตในเดือนก.พ. 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ น้ำตาล ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 23.46% เนื่องจากมีผลผลิตอ้อยเข้าหีบปีนี้มากกว่าปีก่อน
ยานยนต์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.64% จากรถยนต์นั่งขนาดกลางและรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ที่มีการขยายตัวทั้งตลาดในประเทศและส่งออก หลังได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ในรถยนต์บางรุ่นมากขึ้น
ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.33% จากผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องบินและน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เพื่อใช้ในการเดินทางที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าสู่ประเทศมากขึ้น
น้ำมันปาล์ม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 44.57% จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ โดยในปีนี้มีปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดจำนวนมาก รวมถึงมีการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของประเทศคู่ค้า เช่น อินเดีย จีน เป็นต้น
จักรยานยนต์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 27.99% จากความต้องการของตลาดในประเทศ และการส่งออก ประกอบกับปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิตคลี่คลายมากกว่าปีก่อน