ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 2-3 มี.ค.2566
พรรคก้าวไกล นัดหมาย วันที่ 3-4 มี.ค.นี้ ยกทัพบุกพื้นที่อีสาน 2 จังหวัด คือขอนแก่น และร้อยเอ็ด นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และมีไฮไลท์สำคัญคือกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ได้มีมติ เปิดตัว 3 ขุนพลแกนนำอนาคตใหม่ เป็นผู้ช่วยหาเสียงพร้อมเดินสายทั่วประเทศสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ โดยประเดิมที่แรก เวทีปราศรัยจังหวัดขอนแก่น โดยมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ นางสาวพรรณิการ์ วานิช ขึ้นเวทีปราศรัยด้วยเป็นครั้งแรก ถือได้ว่าเป็นการเข้าสู่บรรยากาศโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
เรื่องที่ 1,850 หลังจบดราม่าระหว่างหัวหน้าพรรค “พิธา” กับเลขาคณะก้าวหน้าอย่าง “ปิยบุตร” พรรคก้าวไกลมั่นใจว่า การประสานกำลังกันของอนาคตใหม่สู่ก้าวไกล จะเป็นกำลังสำคัญให้พรรคก้าวไกลสามารถคว้าเก้าอี้ ส.ส.ในทุกภาคทั่วประเทศ
จับตาการประเดิมเวทีแรกที่ขอนแก่นในวันศุกร์นี้ ที่นอกจากจะมีแกนนำพรรคก้าวไกล ขึ้นเวทีปราศรัยแล้ว ยังจะมีธนาธร ปิยบุตร และช่อ ร่วมด้วย
พวกเขาตั้งชื่อการปราศรัยครั้งแรกนี้ว่า “อนาคตใหม่ก้าวไกล เพื่อประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” จัดขึ้นที่สวนรัชดานุสรณ์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น วันที่ 3 มี.ค. ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป
เรื่องที่ 1,851 เมื่อวานเปิดงาน “PTT Group Tech & Innovation Day” อย่างเป็นทางการ ซึ่งจัดโดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีคณะผู้บริหารระดับสูงมากมายหลายท่านที่ตบเท้าเข้าร่วมงาน โดยในช่วงก่อนเปิดงานบนเวที เกิดสถานการณ์สร้างรอยยิ้มให้กับคนในห้องประชุม เมื่อหุ่นยนต์ที่รับหน้าที่เสริฟ์ของว่างให้กับคณะผู้บริหาร ไม่ยอมให้ของว่างกับ “รองพงษ์” สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เมื่อท่านกำลังจะเอื้มมือไปหยิบ
สงสัยว่าโปรแกรมคงอยู่ในช่วงสั่งการให้เคลื่อนไหวพอดิบพอดี แต่แหม! นี่ยังโชคดีนะที่เป็นหุ่นยนต์ที่ทำแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนจริงๆมาทำหน้าที่ แล้วเกิดเหตุการณ์แบบนี้คงมีหนาวๆร้อนๆกันบ้างแหละ เล่นไปทำให้ท่านรองพงษ์เสียหน้ากลางผู้คนซะแบบนี้ แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นหุ่นยนต์ อะไรๆก็เลยดูน่ารักๆ ชวนอมยิ้มผ่อนคลายให้กับบรรยากาศก่อนเริ่มงานได้เป็นอย่างดีที่เดียวเชียว
เรื่องที่ 1,852 ยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจและต้องติดตาม แม้แต่ “ขุนคลัง-อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง ยังระบุไม่ได้ว่า ผู้ที่จะใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน รอบใหม่นี้ มีจำนวนเพิ่มขึ้นหรือลดลง จากยอดที่มีผู้ถือบัตรและใช้จริงในปัจจุบัน จำนวน 13.17 ล้านคนนั้น มีมาลงทะเบียนใหม่และผ่านคุณสมบัติในรอบใหม่ถึง 60% หรือคิดเป็นจำนวน 8.7 ล้านคน ของจำวน 14.9 ล้านคน หมายความว่า คนจน จนเพิ่มขึ้นหรือจนลดลง เพราะตัวเลข 13.17 ล้านคน คือตัวเลขของผู้ถือบัตรที่ใช้จริง หรือ Active ขณะที่ตัวเลขใหม่ 14.9 ล้านคนเป็นผู้ที่ลงทะเบียนแล้วผ่าน แต่ยังไม่ Active
ดังนั้น สิ่งที่น่าคิด ณ เวลานี้คือ แท้ที่จริงแล้ว คนไทยจนมากขึ้น หรือจนน้อยลง โดยต้องจับตาดูวันแรกของมาตรการนี้ ที่จะเริ่มเบิกจ่ายเงินวันที่ 1 เม.ย.นี้ มีประชาชนเบิกเงินไปจริงๆ จำนวนเท่าไหร่
และที่สำคัญคือ ตัวเลขผู้ถือบัตรคนเก่า 13.17 ล้านคน ที่ไม่สามารถหลุดพ้นความยากจนไปได้ ต้องกลับมาลงทะเบียนต่อเป็นรอบที่ 2 จำนวน 8.7 นั้น จะได้รับการดูแลกรณีพิเศษเพิ่มเติมจากรัฐบาลหรือไม่ ส่วนอีก 5 ล้านคนที่หายไป เกิดจากสาเหตุใด เช่น ตาย รวยขึ้น ถูกหวย หรือเกิดจากระบบใหม่ที่ตรวจสอบเป็นรายครอบครัว ทำให้คนกลุ่มนี้ หลุดออกไป เพราะโกงความจนในรอบที่ผ่านมา ยังคงมีอีกหลายเรื่องราวที่ต้องพิจารณากันอย่างถ่องแท้ เพื่อให้มาตรการที่ออกมาแล้ว ถูกฝาถูกตัว ถูกคนมากที่สุด!!
เรื่องที่ 1,853 กระทรวงการคลัง ช่วงนี้ ดูแลเงียบเหงา ไม่เหมือนกระทรวงการคลังช่วงปีใหม่และก่อนปีใหม่ เนื่องจากเกิดผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง 2 คน ซื้อขายหุ้นที่ตนเองนั่งเป็นกรรมการ แม้ว่า หุ้นดังกล่าวจะซื้อมาด้วยความถูกต้อง เพราะจ่ายเงินครบทุกบากทุกสตางค์ มิหนำซ้ำ ยังเป็นหุ้น ESOP หรือ Employee Stock Option Program ก็ตาม แต่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ ทำให้บรรยากาศดูเงียบขรึม ทั้งที่ “บิ๊กตู่” ยังไม่ได้ยุบสภาฯ
โดยนพวัชร์