หอการค้าไทย-จีน มั่นใจเศรษฐกิจฟื้นตัว-นักท่องเที่ยวจีนแห่เข้าไทย 7 ล้านคน
ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย-จีน ไตรมาส 2/2566 มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวนักท่องเที่ยวจีน 7-8 ล้านคน จะมาเยือนไทยในปีนี้จำเป็นต้องเร่งปรับปรุงให้บริการการเข้าเมืองและอำนวยความสะดวกที่สนามบินเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างไทย-จีน
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า หอการค้าไทย-จีน และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น จาก คณะกรรมการกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการบริหาร และสมาชิกหอการค้าไทยจีน และประธาน ผู้บริหาร และกรรมการสมาพันธ์หอการค้าไทยจีน และกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่หอการค้าไทยจีน จำนวนประมาณ 300 คน ระหว่างวันที่ 16 – 20 ก.พ. 2566 เพื่อคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ของปี 2566 ได้ดังนี้
การสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยจีนครั้งนี้เป็นครั้งแรกสำหรับปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายหลายประการ หลังจากที่สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ได้คลี่คลายลง ให้มีการเปิดประเทศและนักท่องเที่ยวจีนสามารถเดินทางไปยังต่างประเทศ ได้ทั้งแบบรายบุคคลและแบบที่เป็นกลุ่มผ่านบริษัททัวร์ มีประเทศไทยเป็นชาติหนึ่งที่ได้รับโอกาส การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนดังกล่าวย่อมมีผลดีต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยว
ก่อนสถานการณ์โรคระบาด โควิด-19 นักท่องเที่ยวจีนมาเยือนประเทศไทยปีละประมาณ 11 ล้านคน การเปิดประเทศของจีนในครั้งนี้ หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวประมาณการว่า จะมีนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเยือนไทย 7 ล้านคน ในปี 2566 แต่การสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยพบว่าผู้ตอบการสำรวจ 49.3% และ 41.8% คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะมาเยือนไทยระหว่าง 7 – 8 ล้านคน และมากกว่า 8 ล้านคนตามลำดับ ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนน่าจะเกินเป้ากว่าที่ทางการคาดไว้
จากการสำรวจยังพบว่าไทยจะต้องมีการปรับปรุงอย่างเร่งด่วนในหลายด้าน เพื่อรองรับและดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน โดยมีประเด็นหลักที่ต้องเร่งแก้ไข 5 ประการ มีความสำคัญตามลำดับดังต่อไปนี้ คือ 2 ประการแรกที่ผู้ตอบการสำรวจให้ความสำคัญสูง ประกอบด้วย การปรับปรุงการให้บริการการเข้าเมืองและอำนวยความสะดวกที่สนามบิน และการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างไทยและจีน ส่วนอีก 3 ประการที่ได้รับความสำคัญที่พอๆกันมาเป็นลำดับรอง คือ การจัดทำมาตรการทางด้านความสะอาดและความปลอดภัยในการเดินทางในประเทศ การจัดเตรียมความพร้อมของโรงแรมและระบบการขนส่งให้คล่องตัวมากขึ้น และการจัดให้มีศูนย์ประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกและแก้ปัญหาให้กับนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะ เช่น สามารถสื่อสารและให้ข้อมูลเป็นภาษาจีนได้
การสำรวจยังได้ถามถึงโอกาสที่นักธุรกิจจากหอการค้าไทยจีนจะเดินทางไปติดต่อธุรกิจในจีน พบว่า 23.2% จะเดินทางไปติดต่อธุรกิจภายในเดือนมีนาคม 30.7% จะเดินทางไปในไตรมาสที่สอง และ 11.1% จะเดินทางไปยังครึ่งปีหลังของปีนี้ กล่าวได้ว่า 67% ได้วางแผนที่จะเดินทางไปติดต่อธุรกิจในจีนเป็นที่เรียบร้อยในปีนี้
การสำรวจได้ถามถึงความมั่นใจในเศรษฐกิจไทยที่จะฟื้นก่อนสิ้นปี 2566 เกือบทุกคน (91.8%) มีความมั่นใจในการฟื้นตัวในปีนี้ โดยพบว่า 34.6% มีความมั่นใจมาก 8.6% มีความมั่นใจมากที่สุด ขณะที่ 48.6% มีความมั่นใจมากพอควร จึงมีคำถามต่อเนื่องถึงแผนการลงทุนและจ้างงานในปี 2566 พบว่า 30% จะมีการลงทุนใหม่และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 39.3% จะมีการลงทุนใหม่แต่ยังไม่เพิ่มจำนวนการจ้างงาน และอีก 28.6% ยังประกอบกิจการเช่นเดิมและมีการจ้างงานจำนวนเดิม
อย่างไรก็ตามการสำรวจได้สอบถามถึงปัจจัยเสี่ยงในการทำธุรกิจในปี 2566 พบว่าปัจจัยเสี่ยงที่มาจากในประเทศคือ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีผลต่อค่าครองชีพ หนี้สินของครัวเรือนและหนี้เสียของสถาบันการเงินมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และการขาดแคลนแรงงานและอัตราค่าจ้างแรงงานมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศคือ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และการชะลอตัวของการส่งออกเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย
นักธุรกิจหอการค้าไทยจีนมัความเห็นว่า ในปี 2566 รัฐบาลควรมีมาตรการทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อที่จะฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจไทย จากการสำรวจพบว่ามี 4 มาตรการ เรียงตามลำดับดังนี้ (1) มาตรการแก้ไขการขาดแคลนแรงงาน และการดึงคนไทยให้กลับเข้ามาสู่ตลาดแรงงาน (2) มาตรการสนับสนุนการสร้างธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี (3)มาตรการที่ควบคุมราคาสินค้าและบริการ เพื่อดูแลค่าครองชีพและรวมถึงการเพิ่มสวัสดิการที่ภาครัฐจัดให้ประชาชน และ (4) มาตรการใหม่ๆเพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ
การสำรวจความเชื่อมั่นในระยะสั้นของไตรมาสหน้า
ผลการสำรวจ การคาดการณ์ในไตรมาสที่สองโดยเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ร้อยละ 60.4 สมาชิกหอการค้าไทยจีนและสมาพันธ์หอการค้าไทยจีนลงความเห็นว่าเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนโดยรวมของจีนดีขึ้น และ 62.1% มีความเห็นว่าการส่งออกของไทยไปยังจีนจะเพิ่มขึ้น และ 63.6% คาดว่าจะมีการลงทุนจากจีนในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์เศรษฐกิจจีนที่เริ่มกลับมาดี ขณะเดียวกัน 65% คาดว่าไทยจะนำสินค้าจากจีนเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน กล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนนั้นยังมีความแนบแน่นอย่างใกล้ชิด
ในการสำรวจความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองเมื่อเทียบกับไตรมาสที่หนึ่งของปีนี้พบว่า 60% ของผู้ตอบการสำรวจ มีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น และ 29.3% คิดว่าเศรษฐกิจไทยยังทรงๆเช่นเดิม จากแนวโน้มเศรษฐกิจดังกล่าว 49.3% คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่ 35.7% คิดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากไตรมาสแรกปีนี้ เมื่อได้สอบถามเรื่องความคิดเห็นกับอัตราแลกเปลี่ยนนั้นพบว่าผู้ตอบการสำรวจลงความเห็นที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถสรุปผลได้ว่าการคาดคะเนอัตราแลกเปลี่ยนจะเปลี่ยนไปในทิศทางใด