ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 26-27 ก.พ.2566
ประยุทธ์ สายเปย์ บุกเวทีปราศรัยโคราช เปิดแคมเปญ ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’
เรื่องที่ 1,840 ไฮไลท์คือ เพิ่มสิทธิบัตรสวัสดิการพลัสเป็น 1,000 บาทต่อเดือน เริ่มจากกลุ่มรายได้น้อย
ปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากแบบขั้นบันได (อายุ 60 ได้เดือนละ 600 บาท / อายุ 70 ได้ 700 / อายุ 80 ได้ 800 ) เป็นให้เท่ากันทุกช่วงอายุ คนละ 1,000 บาทต่อเดือน
ดูแลผู้สูงวัย ด้วยการสร้างศูนย์สันทนาการ และลดภาษีให้ผู้ประกอบการที่จ้างผู้สูงวัยทำงาน
ให้ทุนเรียนวิชาชีพ อำเภอละ 100 ทุน มีสถาบันกำเนิดศิลป์ ปั้น ศิลปินไทย สู่เวทีโลก
คนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน ภาค 2 ทำต่อ
สร้างระบบแพทย์ 24 ชั่วโมง ปรึกษาแพทย์ผ่านระบบแพทย์ทางไกล
ตั้งกองทุนพยุงราคาสินค้าเกษตร ราคาข้าว ราคายาง เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ ทำให้ระบบเศรษฐกิจมีเงินหมุนเวียน
เพิ่มเงินสนับสนุนต้นทุนปลูกข้าว จากที่เคยได้ไร่ละ 700 บาท เป็นไร่ละ 2,000 บาท ครอบครัวละ 5 ไร่ เพื่อให้ทันกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ มักตั้งคำถามกับนโยบายพรรคอื่น ว่าจะเอางบประมาณมาจากไหน แต่วันนี้เห็นทีพรรคอื่น จะต้องตั้งคำถามกับพรรคของ พล.อ.ประยุทธ์ บ้างแล้ว ว่าจะทำได้จริงหรือไม่
เรื่องที่ 1,841 ดูเหมือนว่าเรื่องของราคาพลังงานโดยเฉพาะราคาน้ำมันจะเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงอย่างมากมายในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้งเวลานี้ ล่าสุดก็ลากมาถึงเรื่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีบางความคิดต้องการให้ยกเลิกไปเสีย หรืองดการเก็บเงินเข้ากองทุนไปเลย แน่นอนว่าทุกเรื่องย่อมมีผู้ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย สำหรับประเด็นเรื่องนี้ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งตอนนี้ไม่รู้อยากเป็น รมว.พลังงานหรืออย่างไร เพราะขยันออกมาพูดเรื่องพลังงานอย่างต่อเนื่อง
โดย ศ.ดร.นฤมล ระบุว่า แนวคิดในการยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่บางฝ่ายเสนอ ไม่เหมาะสม เพราะเท่ากับเป็นการทำลายกลไกป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาขายปลีกน้ำมัน ส่วนแนวคิดที่จะให้งดการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับน้ำมันบางประเภทเป็นการชั่วคราว ก็จะสร้างปัญหาเช่นกัน เพราะถึงแม้จะทำให้ราคาขายปลีกของน้ำมันประเภทนั้นลดลงทันที แต่เมื่อระยะเวลางดการจัดเก็บเงินสิ้นสุดลง ก็ต้องกลับมาเก็บเงินเข้ากองทุนฯ อีกครั้ง คราวนี้ราคาขายปลีกของน้ำมันประเภทนั้นจะดีดตัวสูงขึ้นทันที ส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อ และราคาสินค้าต้องดีดตัวขึ้นสูงตาม ทำให้เกิดการช็อคในระบบเศรษฐกิจถ้าไม่ควรยกเลิกและไม่ควรงดการเก็บเงินกองทุนฯ
บก.ชวนคุยอ่านแล้วก็ยังไม่ได้เคลิ้มตามไปกับแนวคิดของฝั่งไหน แล้วคุณผู้อ่านละครับมองว่าแนวคิดแบบไหนที่เหมาะที่ควร
เรื่องที่ 1,842 หลังจากลาออกจากรองผู้จัดการธนาคารเอสเอ็มอีแบงก์ “เฮียสุรชัย-สุรชัย กำพลานนท์วัฒน์” ได้ไปทำงานหลายแห่ง ล่าสุดมารับผิดชอบสังคมด้วยดูแลลูกหนี้ และร่วมแก้หนี้ให้กับเอสเอ็มอีทุกราย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ที่ปรึกษา SMEs หรือ (บสย. F.A. Center) ยังไม่หมด!! ยิ่งไปกว่านั้น ได้ยินว่า กำลังร่วมมือกับเอ็กซิมแบงก์ ที่ “ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร” นั่งเป็นเอ็มดี กำลังจะสร้างศูนย์ที่ปรึกษาลูกหนี้ทั้งเอสเอ็มอีที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา เพื่อพานักลงทุนไทย ก้าวเดินออกไปนอกประเทศ เรียกว่ากำลังดังเป็นพลุแตก
แต่ตอนนี้ กำลังเซ็ง เพราะความดังของ “เฮีย” นี่แหละ ล่าสุดเจอมือดี ปลอม “Facebook” ของเฮีย ร้อน!! ต้องไปแจ้งความเพื่อป้องกันแก๊งมิจฉาชีพอาศัยเป็นช่องทางหากิน
โดยนพวัชร์