โค้กหุ้นร่วงสุดในรอบ 10 ปี หลังประกาศแนวโน้มปี 62
บริษัทโคคา-โคลา เผยผลคาดการณ์ประจำปี 62 โดยอาจเติบโตขึ้นเพียง 4% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และความไม่แน่นอนทางด้านการเมือง
หุ้นของบริษัทโคคา-โคลา ทรุดฮวบ 8% หลังปล่อยข้อมูล ทำให้หุ้นของบริษัทประจำวันทำการซื้อขายย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. ปี 51
ก่อนหน้านี้มีการเตือนบริษัทระดับโลกอย่างแมคโดนัลด์ และอื่น ๆ เกี่ยวกับฮาร์ด เบร็กซิท หรือการที่สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างสิ้นเชิง จะส่งผล “อย่างมาก” ต่อการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน และบริษัทหลายแห่งยังคงอยู่ในสภาวะตึงเครียดเนื่องจากการเจรจาต่อรองระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ต้องเสร็จสิ้นก่อนต้นเดือน มี.ค. ก่อนที่ทางสหรัฐฯจะปรับขึ้นภาษีสินค้าจากจีนตามกำหนดการ
ข้อตกลงการขึ้นภาษีระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงตามมา ทั้งธุรกิจหลายแห่งที่ต้องหยุดชะงัก และเกิดความวุ่นวายในตลาดการเงิน
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. นายเจมส์ ควินซีย์ ซีอีโอของบริษัท ได้ระบุว่าการประมาณการณ์ดังกล่าวมีการวิเคราะห์อย่าง “รอบคอบ” ผ่านการประชุมทางไกลกับเหล่านักลงทุนเกี่ยวกับไตรมาสที่ 4 และรายได้ตลอดทั้งปี 62 “อาจมีการแปรผันและมีความไม่แน่นอน ยิ่งกว่ารายได้ในปี 61” โดยนายควินซีย์ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์
ยอดขายของบริษัทโคคา-โคลา ลดลงถึง 6% เป็นมูลค่า 7,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 221,974 ล้านบาท ใน 3 ไตรมาสสุดท้ายในปีก่อน และลดลงทั้งปีถึง 10% เป็นเงิน 31,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 997,321 ล้านบาท บริษัทโคคา-โคลากล่าวโทษว่า ส่วนนึ่งเป็นผลมาจากการลดค่าใช้จ่ายการเปลี่ยนระบบบรรจุขวดเป็นแบบแฟรนไชส์ และค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งตัวขึ้น
นายควินซีย์กล่าวในแถลงการณ์ว่า เขารู้สึก “ค่อนข้างดีกับรายได้และการเติบโตของกำไรในปี 61 ที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของบริษัทเอง” เขาเสริมว่าตัวเลขเหล่านี้ “แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในการพัฒนาบริษัทให้เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มที่มีผู้บริโภคเป็นศูย์กลาง”
บริษัทโคคา-โคลา ได้ขยายขอบเขตสินค้าให้มากขึ้นหลังจากที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่พยายามหลีกเลี่ยงน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูง ทางบริษัทได้ให้ความสำคัญกับเครื่องดื่มที่มีแคลอรีและน้ำตาลต่ำโดยเฉพาะ
เขาให้สัมภาษณ์กับทางสื่อซีเอ็นบีซีว่า โค้ก ซีโร มียอดขายดีที่สุดในปี 61 โดยเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาลถือว่าประสบความสำเร็จ และยังช่วยทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และในปีก่อน ทางบริษัทโคคา-โคลา ได้ตกลงซื้อบริษัทคอสตา คอฟฟี สัญชาติอังกฤษ รวมถึงบริษัทเครื่องดื่มชูกำลัง บอดีอาร์เมอร์ เพื่อประชันกับ เกเตอเรด เครื่องดื่มชูกำลังของบริษัทคู่แข่ง อย่างเป๊ปซี รวมถึงทางโคคา-โคลายังมีแผนที่จะพัฒนาเครื่องดื่มชูกำลังของตนเองอีกด้วย
นอกจากนี้ ทางบริษัทได้เปิดตัวโค้กรสชาติใหม่อย่างรสส้ม วานิลลา โดยหวังว่าจะช่วยทำให้ผู้บริโภคเลือกดื่มโค้กเมื่อต้องการความหลากหลาย
ในขณะเดียวกัน ยอดขายเครื่องดื่มดั้งเดิมของโค้กกลับลดลง โดยในอเมริกาเหนือ เครื่องดื่มอย่างน้ำผลไม้ นม น้ำผัก และชามียอดขายลดลงในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 61.