เอดีบีปล่อยกู้อินโดฯ เน้นโครงสร้างพื้นฐาน
นายสตีเวน ทาเบอร์ เจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ประจำอินโดนีเซีย เผยว่า ธนาคารมีแผนจะจัดสรรเงินให้อินโดนีเซียกู้ยืมจำนวน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 70,000 ล้านบาท (35 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ) เพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในปีนี้
โดยเงินจำนวนนี้ จัดว่ามากกว่าเงินกู้ยืมเพื่อการพัฒนาประจำปีของอินโดนีเซียจำนวนประมาณ 740 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 29,500 ล้านบาทในรอบทศวรรษที่ผ่านมา
นายทาเบอร์ ให้สัมภาษณ์สื่อว่า “เงินกู้จำนวนนี้จะถูกจัดสรรกระจายลงไปในโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ และทางสังคมหลายโครงการ” ทั้งนี้นายทาเบอร์กล่าวว่า สำหรับโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ เอดีบี จะจัดสรรเงินให้กับการประปาของประเทศก่อนเป็นอันดับแรก รวมถึงการชลประทานด้วย
โดยการประปาของอินโดนีเซียจะได้รับการจัดสรรเงินเป็นจำนวน 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 21,000 ล้านบาทคิดเป็น 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด ทางธนาคารยังมีแผนจะร่วมมือกับกระทรวงโยธาสาธารณะ และการเคหะเพื่อลงลึกในรายละเอียดการออกแบบทางวิศวกรรมสำหรับ 150 โครงการของกระทรวง
นายบัมบัง ซูซานโตโน รองประธานด้านการจัดการความรู้ และการพัฒนาที่ยั่งยืนของเอดีบี กล่าวว่า รายละเอียดของการออกแบบทางวิศวกรรม เป็นสิ่งจำเป็นในการเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเขากล่าวว่า “ควรจะออกแบบก่อน กว่าที่จะได้รับเงิน แบบก็น่าจะเสร็จเรียบร้อย”
การจัดสรรเงินกู้ยืมนี้จะจัดสรรให้กับโครงการที่ธนาคารเห็นว่า ได้รับการออกแบบอยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาประเทศ เช่น ไฟฟ้า สุขาภิบาล การเข้าถึงแหล่งน้ำ และระบบขนส่งมวลชน
นายทาเบอร์ชี้ว่า เงินกู้จากเอดีบีที่มีอยู่ตอนนี้จำนวน 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 21,000 ล้านบาท จะถูกส่งไปให้บริษัท พีแอลเอ็นที่รับผิดชอบระบบไฟฟ้าของรัฐ เพื่อก่อสร้างระบบการส่ง และจ่ายไฟฟ้าบนเกาะสุมาตรา
กระทรวงโยธาสาธารณะ และการเคหะ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการยุทธศาสตร์หลักของ ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ได้กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาระบบประปาของประเทศ โดยมีโครงการก่อสร้างเขื่อน 49 เขื่อนเพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ 16 เขื่อน ก่อสร้างโครงข่ายพัฒนาแหล่งน้ำอีก 1 ล้านลูกบาศก์เมตร และฟื้นฟูระบบพัฒนาแหล่งน้ำที่มีอยู่เดิม 2.2 ล้านลูกบาศก์เมตรให้ลุล่วงภายในปี 2562
มีข้อมูลจากคณะกรรมการประสานงานการลงทุนว่า มูลค่าการลงทุนในภาคส่วนโครงสร้างพื้นฐานทะยานขึ้นเป็น 151.4 ล้านล้านรูเปียห์ ในปี 2558 โดยเพิ่มขึ้นถึง 21.3% จากปี 2557