นายกฯญี่ปุ่นให้คำมั่นขจัดคดีทำร้ายเด็กเต็มกำลัง
โตเกียว – เมื่อวันที่ 6 ก.พ. สำนักข่าวจิจิ เพรส รายงานข่าวเกี่ยวกับ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีประเทศญี่ปุ่นซึ่งให้สัญญาว่า รัฐบาลจะพยายามอย่างเต็มที่ในการยุติความรุนแรงต่อเด็กในญี่ปุ่น
การที่นายกฯ อาเบะประกาศให้สัญญาดังกล่าว ก็เพื่อตอบโต้กรณีการทำร้ายร่างกายเด็กที่ก่อให้เกิดกระแสลุกฮือในระดับประเทศบ่อยครั้ง รวมถึงคดีล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นในเดือนก่อน โดยเด็กหญิงวัย 10 ปี ที่เมืองโนดะ จังหวัดชิบะ เสียชีวิต หลังจากที่ถูกพ่อของตนทำร้ายร่างกายอย่างต่อเนื่อง
การเสียชีวิตของเด็กหญิงมิอะ คุริฮาระ กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากสื่อในประเทศอย่างมาก โดยนายกฯ อาเบะระบุว่า การเสียชีวิตของมิอะ “บีบหัวใจอย่างมาก และไม่ควรที่จะเกิดขึ้นเลย”
นายกฯอาเบะเน้นย้ำว่า “เราจะทำทุกวิถีทาง(เพื่อไม่ให้เกิดคดีการทำร้ายร่างกายเด็ก)อย่างแน่นอนโดยได้รวมถึงการให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอย่างเต็มที่ เราจะต้องดำเนินการโดยให้ความสำคัญกับชีวิตของเด็กเป็นอย่างแรก”
เขายังระบุอีกว่า รัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่หลายรายจากกระทรวงศึกษาธิการและสวัสดิการเพื่อเข้าแก้ไขปัญหากรณีที่เกิดขึ้นอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ พ่อและแม่ของมิอะถูกจับกุมแล้ว โดยพ่อของมิอะ หรือ นายยูอิจิโระ คุริฮาระ วัย 41 ปี ถูกจับเมื่อสัปดาห์ก่อน ในข้อหาทำร้ายร่างกายเด็กหญิง ในขณะที่ฝ่ายแม่ หรือ นางนางิสะ คุริฮาระ วัย 31 ถูกจับตัวเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมาในข้อหาสนับสนุนความรุนแรง
นางคุริฮาระเองก็เป็นเหยื่อความรุนแรงเช่นกัน ตามรายงานข่าวของสถานี NHK เธอได้บอกกับเจ้าหน้าที่สืบสวนว่า สามีของเธอทำร้ายร่างกายมิอะ ในช่วงวันหยุดฤดูหนาวของโรงเรียน ทำให้มีรอยช้ำจนสามารถมองเห็นได้ตามร่างกายของเธอ เธอเสริมว่า สามีของเธอสั่งไม่ให้เธอพาลูกสาวออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกสงสัย อย่างไรก็ตาม ด้านสามี หรือนายคุริฮาระ ยังคงปฏิเสธว่าตนไม่ได้ทำร้ายร่างกายลูกสาว
มิอะบอกกับคุณครูที่โรงเรียนของเธอว่า เธอถูกทำร้ายร่างกายและเป็นเหยื่อความรุนแรงของพ่อเธอ แต่มิอะคงไม่คาดคิดว่าคำร้องเรียนของเธอจะถูกส่งต่อไปให้พ่อของเธอ
มิอะกรอกข้อความในแบบสอบถามว่า “หนูถูกพ่อหนูทำร้าย พ่อปลุกหนูขึ้นมากลางดึก แม้แต่ตอนกลางวันที่หนูตื่นอยู่ พ่อก็จะเตะหนูตีหนู คุณครูช่วยหนูได้ไหมคะ?”
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทราบเรื่อง ด้านศูนย์สวัสดิภาพเด็กก็ได้เข้าคุ้มครองตัวมิอะ ส่วนพ่อของมิอะเรียกร้องที่จะดูแบบสอบถามดังกล่าว แม้ว่าจริง ๆ แล้วในแบบสอบถามของร.ร.สัญญาจะเก็บข้อมูลทุกอย่างเป็นความลับก็ตาม
ในตอนแรก นายคุริฮาระถูกปฏิเสธเนื่องจากต้องมีจดหมายยินยอมจากมิอะเองก่อนจึงจะสามารถอ่านแบบสอบถามได้ แต่ภายหลังอีก 3 วัน นายคุริฮาระได้กลับมาพร้อมเอกสารแสดงความยินยอมของมิอะ หลังจากนั้น มิอะได้ย้ายไปยังโรงเรียนอีกแห่งในเมืองโนดะ
ระหว่างนี้เอง มิอะไม่ได้ร้องเรียนอะไรเกี่ยวกับการถูกทำร้ายร่างกายอีก รวมถึงศูนย์สวัสดิภาพเด็กเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจหรือไปเยือนบ้านของครอบครัวคุริฮาระอีกเลย
หลายเดือนต่อมา ในวันที่ 24 ม.ค. มีผู้พบศพมิอะเสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำที่บ้านของเธอ หลังจากที่ขาดเรียนไปกว่า 2 สัปดาห์
คดีของมิอะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงระบบการคุ้มครองเด็กในญี่ปุ่น
คดีของมิอะ ถือเป็นคดีที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากเหตุการณ์น่าสลดภายในรอบไม่ถึงปี โดยก่อนหน้านี้ในเดือน มี.ค.ปีก่อน เด็กหญิงยูอะ ฟุนาโตะ วัย 5 ปี ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า โดยได้เขียนบันทึกขอร้องให้พ่อเลี้ยงของเธอให้อนุญาตทำสิ่งต่าง ๆ และยังเขียนข้อความซ้ำ ๆ อย่าง “ได้โปรด ได้โปรด ได้โปรด ยกโทษให้หนูด้วย”.