“50 ปี กนอ.สานพลังงานอุตสาหกรรมสู่อนาคตที่ยั่งยืน”
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ฉลองครบรอบ 50 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “50 ปี กนอ.สานพลังอุตสาหกรรมสู่อนาคตที่ยั่งยืน” ชู INSPIRE แรงบันดาลใจ เพื่อให้ หัว และ ใจ นำพาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย มุ่งสู่สากล ประกาศนำนิคมอุตสาหกรรมไทยสู่มาตรฐานสากล พร้อมปักธงปี 2566 รุกธุรกิจใหม่ สอดรับเศรษฐกิจ BCG ลุยสร้างนิคมอุตสาหกรรมเพิ่ม เสริมเขี้ยวเล็บให้นิคมอุตสาหกรรมเก่า ดึงเงินทุนเข้าประเทศ!
นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในการเป็นประธานเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “Industrial Transformation for the Next Normal” ในงานวันคล้ายวันสถาปนา กนอ. ครบรอบ 50 ปีว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นตลอดปี 2565 ส่งผลต่อความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ปี 2566 การฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพของครัวเรือนยังเผชิญกับหลายปัจจัยที่สำคัญ แม้ภาครัฐมีมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพของครัวเรือน เช่น การตรึงราคาค่าไฟ แต่ราคาพลังงานยังมีความผันผวน และอาจส่งผลต่อรายได้และการจ้างงาน รวมถึงเงินออมในระยะข้างหน้า โดยภาคอุตสาหกรรม ยังคงดำเนินการภายใต้แนวทางการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเข้าสู่ยุคดิจิทัล ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นตัวนำในการยกระดับประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ประกอบการ สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) และเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Economic Model
กระทรวงอุตสาหกรรม กำหนดพันธกิจให้สอดคล้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมยุคใหม่ หรือ Next Normal โดยยึดโยงกับยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาลเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น เพื่อ “เปิดกว้าง” สำหรับทุกโอกาส “เชื่อมโยง” ในทุกมิติ และ “สมดุล” ในทุกด้าน โดยมุ่งเน้นสนับสนุนการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ลดการเกิดขยะ ลดปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมด้วย BCG Model เพื่อผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม สร้างการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนสำหรับประชาชนและคนรุ่นหลัง ทั้งนี้ ในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค ครั้งที่ 29 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 17-19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้นำแนวคิดเศรษฐกิจ BCG ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ มาเป็นยุทธศาสตร์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและเป็นแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาและการเติบโตในระยะยาวที่ยั่งยืน และครอบคลุม
กนอ.เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมของประเทศ ได้กำหนดแผนวิสาหกิจใหม่ ประจำปี 2566-2570 เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามภารกิจขององค์กร ที่สอดรับกับนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติ ขณะเดียวกัน กนอ.เป็นหน่วยงานหลักที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนา บริหารจัดการ และกำกับดูแลนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่ง เพื่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานความสมดุลของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่สอดคล้องตามกฎหมาย ภายใต้การบูรณาการของทุกฝ่ายบนหลักการความร่วมมือพึ่งพาอาศัยกันของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ทั้งหน่วยงาน ภาครัฐ เอกชน ชุมชน เพื่อดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน
กนอ. ยังนำแนวคิด BCG มาเป็นแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนองค์กร เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2065 ซึ่งสอดรับกับเป้าหมายประเทศเพื่อขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 อีกด้วย
“ผมเชื่อว่าการบูรณาการจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้เศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทยมีทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ นำไปสู่การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว จนสามารถนำพาประเทศไทยก้าวข้ามวิกฤตต่างๆ ได้” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว
ด้านนายนรินทร์ กัลยาณมิตร ประธานกรรมการ กนอ. กล่าวแสดงความยินดีกับ กนอ.ว่า ตลอดระยะเวลา 5 ทศวรรษที่ผ่านมา กนอ.ดำเนินงานตามภารกิจหลัก คือ พัฒนา จัดตั้ง และบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรม สร้างฐานการผลิตรองรับการลงทุนด้านอุตสาหกรรมของประเทศ สร้างการเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน เน้นนวัตกรรมนำการเปลี่ยนแปลงอย่างมุ่งมั่นตั้งใจของคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน กนอ. จากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ กนอ. ก้าวมาสู่การเป็นองค์กรชั้นนำในการจัดตั้งและบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมในปัจจุบัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ กนอ.สามารถดำเนินงานให้บรรลุตามวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นได้นั้น คือ การได้รับความร่วมมือ ร่วมใจ การสนับสนุน และผลักดันจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มของ กนอ.เป็นอย่างดีเสมอมา ซึ่งครึ่งศตวรรษของ กนอ.ได้พัฒนา จัดตั้ง และบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งให้บริการระบบสาธารณูปโภค บริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ด้านความปลอดภัยโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ตลอดจนพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ปรับตัวได้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน ทำให้นิคมอุตสาหกรรมไทยมีความแข็งแกร่ง กนอ.จึงเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย สามารถสะท้อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในมิติการสร้างงาน สร้างรายได้ และความพร้อมในการเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมของประเทศไทย นอกจากนี้ กนอ. ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมทั้งส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในโอกาสที่ กนอ.ครบรอบ 50 ปี และกำลังก้าวสู่ทศวรรษที่ 6 เชื่อมั่นว่า ความมุ่งมั่น พยายาม ความร่วมแรงร่วมใจของคณะกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน กนอ. ประกอบกับการส่งเสริมสนับสนุนของกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน จะเป็นแรงผลักดันให้ กนอ. สามารถขับเคลื่อนองค์กรในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศให้เติบโตก้าวหน้าไปพร้อมกับการอยู่ร่วมกันกับสังคม ชุมชน ได้อย่างสมดุลและยั่งยืนตลอดไป
ขณะที่นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า แม้ว่าที่ผ่านมาประเทศจะต้องพบกับวิกฤตเศรษฐกิจหลายต่อหลายครั้ง แต่ประเทศไทยก็ยังคงเนื้อหอม และน่าสนใจในสายตาของนักลงทุน เห็นได้จากสื่อต่างๆ ที่นำเสนอข่าวบริษัทยักษ์ใหญ่ของต่างประเทศหลายเจ้า เดินหน้าเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่ม EV ที่ไม่ว่าจะจากประเทศจีน ญี่ปุ่น ยุโรป ต่างเห็นว่าไทยมีศักยภาพพอที่จะเป็น Hub ด้าน EV ได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ดังนั้น อยากให้มองว่าวันนี้ทั่วโลกกลับมาเปิดประเทศแล้ว หลังจากที่ต้องปิดประเทศไปกว่า 2 ปี ซึ่งเศรษฐกิจโลกจะต้องเติบโตแล้ว วันนี้ประเทศไทยเป็น 1 ในกลุ่มอาเซียนที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุด แต่วันนี้สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องของการลด แลก แจก แถม แต่เป็นเรื่องของการกำกับให้ดี เพราะถ้าเราเน้นดึงเฉพาะเงินทุน แน่นอนว่าเรื่องของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็จะเกิดขึ้นได้ ประเทศไทยในขณะนี้จึงเน้นไปที่เรื่องของ BCG การดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชน และการรักษ์โลก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ยั่งยืนกว่า
“ก้าวที่ 51 ของ กนอ.ต่อจากนี้ เราจะใช้ INSPIRE แรงบันดาลใจ เพื่อใช้ หัว และ ใจ นำพาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย ก้าวสู่สากล ดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุน และนอกเหนือจากการร่วมลงทุนกับเอกชนในบริษัทจัดการด้านพลังงานแล้ว เรายังมีแผนที่จะทำธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน Sale Agency และการทำ IEAT Academy ด้วย อย่างไรก็ตาม วันนี้ไม่อยากให้ดูแค่เพียงเรื่องของเม็ดเงินที่จะเข้าสู่พื้นที่ แต่เราจะเน้นเรื่องของการปรับกฎระเบียบต่างๆ ไม่ให้นักลงทุนที่จะเข้ามานั้นทำลายสิ่งแวดล้อมและชุมชนด้วย เพื่อสานต่อนโยบายภาครัฐเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดูแลชุมชน และลดคาร์บอน” นายวีริศ กล่าว
การจัดงานครบรอบ 50 ปี กนอ. จัดขึ้นในคอนเซปต์ “50th Anniversary of IEAT : Industrial Collaboration for Sustainable Development: 50 ปี กนอ.สานพลังอุตสาหกรรมสู่อนาคตที่ยั่งยืน” โดยในช่วงเช้ามีการทำบุญใส่บาตรพระสงฆ์ จำนวน 9 รูป และการร่วมแสดงความยินดีจากหน่วยงานพันธมิตรและผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน ณ กนอ.สำนักงานใหญ่ โดยในการจัดงานครบรอบ 50 ปี กนอ.งดรับกระเช้าดอกไม้ รวมทั้งขอให้แขกผู้เกียรติร่วมบริจาคสมทบทุนโรงพยาบาลสงฆ์ มูลนิธิโรงพยาบาลรามาธิบดี และศิริราชมูลนิธิ เพื่อร่วมแบ่งปันน้ำใจช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้แทนด้วย