ฟิลิปปินส์ลดปริมาณซื้อข้าว
ฟิลิปปินส์ซึ่งเป็น 1 ในประเทศที่นำเข้าข้าวมากที่สุดในโลกได้วางแผนที่จะซื้อข้าวน้อยลงกว่าที่คาดการณ์ในเดือนหน้า หลังจากปรากฏการณ์เอลนีโญไม่ส่งผลกระทบรุนแรง
นายเรนัน ดาลิเซย์ ผู้บริหารองค์การอาหารแห่งชาติ (NFA) ให้สัมภาษณ์กับสื่อเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ว่า ฟิลิปปินส์คาดการณ์ว่าจะมีการเจรจาตกลงซื้อข้าวได้เสร็จสมบูรณ์ในเดือนม.ค.2559 เพื่อที่จะนำเข้าข้าวได้ในไตรมาส 2 ช่วยให้มีข้าวในคลังเพียงพอ ท่ามกลางความกังวลกับสภาพอากาศที่แห้งแล้งขึ้นในไตรมาสแรก จึงมีการแนะนำให้ซื้อข้าวในปริมาณมากกว่า 400,000 ตัน
เขากล่าวว่า ความต้องการในการนำเข้าข้าวเพิ่มเติมลดต่ำลงกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมที่ 1.3 ล้านตัน เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญสร้างผลกระทบไม่รุนแรงต่อพืชผลอย่างที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ปรากฏการณ์เอลนีโญเคยก่อให้เกิดความแห้งแล้ง และสภาพอากาศที่รุนแรงส่งผลกระทบต่อผู้คนหลายล้านคนในหลายพื้นที่ของโลกมาแล้วโดยก่อนหน้านี้ มีการพยากรณ์จากผู้เชี่ยวชาญไว้ว่า เอลนีโญที่เกิดในรอบปัจจุบันอาจเป็นครั้งหนึ่งที่รุนแรงที่สุดจนต้องบันทึกไว้เป็นสถิติใหม่
นายดาลิเซย์ กล่าวว่า “เราคิดว่าจะมีพืชผลทางการเกษตรเสียหายถึง 24% แต่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้น” เขายังเสริมอีกว่า ผลผลิตที่ได้ใน 9 เดือนแรกของปีนี้กลับเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากอิทธิพลของไต้ฝุ่นกลับทำให้มีฝนตกมากขึ้น ช่วยให้เกษตรกรทำนาได้มากขึ้นฟิลิปปินส์จึงมีการลดการนำเข้าข้าวจากผู้ส่งออกรายใหญ่คือเวียดนามกับไทย
ราคาข้าวในตลาดส่งออกทรงตัวในช่วงนี้ เนื่องจากราคาข้าวเวียดนามที่ปรับสูงขึ้น และปริมาณข้าวค้างสต็อกของไทย ทำให้ผู้นำเข้ารู้สึกจนมุม
ปริมาณการซื้อข้าวล็อตสุดท้ายขึ้นอยู่กับคำแนะนำของคณะกรรมการอาหารเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งแนะนำปริมาณข้าวไว้ที่ 300,000-400,000 ตันเพื่อจัดส่งให้ทันในไตรมาส 2 โดย NFA ซึ่งเป็น คณะกรรมการบริหารจัดการเศรษฐกิจชั้นนำของประเทศ จะเป็นผู้อนุมัติในครั้งสุดท้าย
นายดาลิเซย์ กล่าวว่า “กระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นในปีนี้ และเซ็นสัญญาได้ในเดือนม.ค.ปีหน้า” จะมีการเจรจาเพื่อซื้อข้าวในส่วนอุปทานที่เพิ่มขึ้นระหว่าง NFA กับผู้ส่งออกอย่าง เวียดนาม ไทย และกัมพูชา โดยมีอีกทางเลือกหนึ่งคือให้ผู้ซื้อภาคเอกชนสามารถนำเข้าข้าวในปริมาณที่ได้รับอนุญาต ปริมาณข้าวที่จะนำเข้า 500,000 ตันเป็นข้าวที่ NFA ตกลงซื้อแล้วจากเวียดนาม และไทย โดยจะมีการส่งมอบในไตรมาสแรกของปี 2559 นี้
นายดาลิเซย์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ซื้อจากภาคเอกชนสามารถนำเข้าข้าวได้ถึง 805,200 ตันในปีหน้า เนื่องจากการจัดเก็บภาษีที่ลดลงเหลือ 35% แต่การนำเข้าข้าวของ NFA จะไม่มีการจัดเก็บภาษี