ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้นนำโดยหุ้นสหรัฐฯ
SCB CIO Office ธนาคารไทยพาณิชย์ วิเคราะห์ เรื่องตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาฟื้นตัว หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณผ่อนคลายเชิงนโยบาย
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้น นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังจากถ้อยแถลงของประธาน Fed ส่งสัญญาณว่า Fed อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยังได้แรงหนุนจากรายงานว่า สหรัฐฯอาจจะเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก ด้านตลาดหุ้นไทย ปิดบวกเช่นกัน หลังเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ช่วยหนุนเงินทุนไหลเข้า ขณะที่นักลงทุนรอติดตามความคืบหน้าปัจจัยการเมืองภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นจีนยังคงปรับลดลง จากความกังวลข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ประกอบมีรายงานว่า Huawei ปรับลดคาดการณ์ยอดขายสมาร์ทโฟนลง ในส่วนของราคาน้ำมันดิบ ปรับเพิ่มขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการที่ซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า กลุ่มโอเปกใกล้บรรลุข้อตกลงขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน จากเดิมที่จะสิ้นสุดลงในเดือน มิ.ย.นี้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก หลังจากถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ระบุว่า Fed จะดำเนินการในสิ่งที่จำเป็นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และอาจนำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) กลับมาใช้อีกครั้ง นอกจากนี้ ดัชนีฯ ยังได้แรงหนุนจากรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจจะเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกในวันที่ 10 มิ.ย. นี้
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก หลังตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของยุโรปออกมาดีกว่าคาด ส่วนผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และปรับเพิ่มคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนในปีนี้ ขณะที่ ECB ระบุว่า จะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปอย่างน้อยจนถึงกลางปีหน้าตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดบวก ได้แรงหนุนจากการที่ประธาน Fed ส่งสัญญาณว่า Fed อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นจีน (A-Share) ปิดลบ จากความกังวลข้อพิพาททางการค้า และตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้นกลุ่มสื่อสาร หลังมีรายงานว่าบริษัท Huawei ปรับลดคาดการณ์ยอดขายสมาร์ทโฟนลงตลาดหุ้นไทย ปิดบวก โดยได้รับปัจจัยเชิงบวกจากการที่ Fed ส่งสัญญาณผ่อนคลายเชิงนโยบาย และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ช่วยหนุนเงินทุนไหลเข้า ทั้งนี้ นักลงทุนรอติดตามความคืบหน้าปัจจัยการเมืองภายในประเทศ
มุมมองของเราในสัปดาห์นี้
เราคาดว่า ตัวเลขเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มชะลอตัวลง จากผลกระทบของสงครามการค้า ขณะที่ ความกังวลต่อประเด็นประเด็นเรื่อง Brexit แบบไร้ข้อตกลง และประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ยังคงกดดันการลงทุนในตลาดหุ้น หลัง นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ พบกับ นายอี้ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ในการประชุมสุดยอดรัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศ G20 แต่ยังไม่สามารถมีข้อตกลงใดๆ จนกว่าผู้นำทั้ง 2 ประเทศจะพบกันในการประชุม G20 ที่ญี่ปุ่น ในวันที่ 28-29 มิ.ย.นี้ โดยนายอี้ กัง กล่าวว่า จีนมีนโยบายมากพอในการรับมือ หากสงครามการค้ารุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นอาจได้รับแรงหนุน จากการที่ นักลงทุนคาดหวังว่า ธนาคารกลางหลักๆ เช่น Fed และ ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว จากผลกระทบของสงครามการค้า ขณะที่ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากความชัดเจนทางการเมืองซึ่งช่วยสนับสนุนเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ท่ามกลางเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าปัจจัยจับตาสัปดาห์นี้.