เจรจากับจีนหมดหวังหลังทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีแอปเปิล
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ดูจะดับความหวังในการเจรจาแก้ไขสงครามการค้ากับจีน ไม่กี่วันก่อนหน้าที่จะมีการประชุมกลุ่มประเทศ G20 ที่อาร์เจนตินา
โดยผู้นำสหรัฐฯกล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อวอลสตรีทเจอร์นัลที่ตีพิมพพ์เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ว่า “ มีความไม่แน่นอนสูง” ที่เขาจะยอมรับข้อเสนอของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่มุ่งหวังจะหยุดแผนปรับขึ้นภาษีเป็น 25% กับสินค้าจีน คิดเป็นมูลค่ากว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนม.ค.ที่จะถึงนี้
ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้เตือนอีกครั้งว่าเขาเตรียมจะขึ้นภาษีรอบที่ 3 กับสินค้าจีน หากทั้งสองผู้นำไม่สามารถหาทางออกเพื่อยุติสงครามการค้าระหว่างกันได้ในการคุยกันนอกรอบของการประชุม G20 ในสัปดาห์นี้ที่กรุงบัวโนสแอเรส อาร์เจนตินา
“ หากเราตกลงกันไม่ได้ ผมก็จะขึ้นภาษีเพิ่มอีก 267,000 ล้านดอลลาร์ ” ทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์ โดยเสริมว่า อัตราภาษีอาจจะอยู่ที่ 10% หรือ 25%
โดยทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า อาจรวมถึงภาษีที่จะจัดเก็บกับผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลที่นำเข้ามาจากจีน ทั้งไอโฟนและแลปท็อป ทำให้หุ้นของแอปเปิลร่วงลง 1.5% ในการซื้อขายไม่กี่ชั่วโมง
“ อาจจะ อาจจะ ขึ้นอยู่กับว่าอัตราภาษีเท่าไร” ทรัมชี้ “ผมหมายความว่า ผมอาจขึ้นแค่ 10% ซึ่งคนจะยอมรับได้ง่าย”
ธุรกิจอเมริกันบ่นอุบเรื่องมาตรการภาษี เนื่องจากพวกเขาต้องมีหน้าที่จ่ายภาษีนำเข้า นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อรอบใหม่ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด มีกำหนดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค.นี้
ทั้งนี้ มาตรการภาษีของทรัมป์ส่งผลกระทบกับบริษัทอเมริกันและเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลายบริษัท เช่น ห้างวอลมาร์ท ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของประเทศ เตือนว่าราคาสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างแชมพู ผงซักฟอก และกระดาษเช็ดปาก จะมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้บริโภค
ก่อนหน้าการประชุมที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ตัวแทนของทรัมป์ยังเตือนตัวแทนเจรจาจากปักกิ่งว่า จะมีการทำตามคำขู่ของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างจริงจัง โดยรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์แห่งสหรัฐฯพูดก่อนหน้านี้ว่า ทรัมป์จะไม่เร่งรีบที่จะยุติสงครามการค้า และตั้งใจที่จะขึ้นภาษี
“มากกว่า 2 เท่า” จากที่เคยขึ้นไปแล้วกับสินค้านำเข้าจากจีนถึง 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ“ จะไม่เปลี่ยนแปลงวิธีการของเราจนกว่าจีนจะเปลี่ยนก่อน” รองประธานาธิบดีเพนซ์กล่าวในระหว่างการประชุมเอเปกในปาปัว นิวกินี
การประชุมที่ใกล้เข้ามา ถือเป็นโอกาสเดียวที่เร็วที่สุดสำหรับการพบกันโดยตรงของสองผู้นำมหาอำนาจก่อนจะถึงกำหนดเส้นตายของมาตรการภาษีในวันที่ 1 ม.ค. และนักลงทุนต่างกระหายให้มีการลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างทั้งสองฝ่าย
ในการกล่าวกับผู้สื่อข่าวบนสนามทางทิศใต้ของทำเนียบขาว ทรัมป์กล่าวว่าอาจมีดีลที่เป็นไปได้เกิดขึ้นกับผู้นำของจีน “ มันอาจเกิดขึ้น พวกเขาต้องปฏิบัติกับเราอย่างแฟร์ๆ”
ขณะที่ความสนใจดูจะมุ่งไปที่ผลกระทบที่ตกกับจีนจากมาตรการภาษี แต่นักภูมิรัฐศาสตร์และนักเศรษฐศาสตร์ยังได้เตือนถึงผลพวงที่ลงลึกสำหรับบริษัทอเมริกัน หากจีนเลือกที่จะเข้มงวดกวดขันกับการลงทุนของบริษัทอเมริกัน
“ ที่เป็นปัญหามากสำหรับธุรกิจคือความไม่แน่นอน” David Dollar เจ้าหน้าที่อาวุโสใน John L.Thornton China Center ของ Brookings Institute และอดีตนักการทูตประจำจีนของกระทรวงการคลังสมัยอดีตประธานาธิบบารัค โอบามาให้ความเห็น “ พวกเขาอยู่ได้กับทุกนโยบาย ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเก็บภาษีทุกอย่างจากจีน หรือไม่เก็บ พวกเขาแค่เกลียดความไม่แน่นอน”.