หุ้นแอปเปิลยังดิ่งต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 14 พ.ย.หุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ธุรกิจภาคส่วนเทคโนโลยี ดิ่งร่วงลงสู่แดนลบ โดยปรับลดลงมาจากที่เคยพุ่งทะยานสูงสุดกว่า 20%
โดยหุ้นแอปเปิล ซึ่งร่วงลงมามากกว่า 2.5% ปิดอยู่ที่ 186.80 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้น เมื่อปิดการซื้อขาย หุ้นแอปเปิลดิ่งร่วงลงกว่า 19.99% เมื่อเทียบกับที่เคยทำสถิติพุ่งไปแตะระดับ 233.47 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ส่งผลให้มูลค่าบริษัทร่วงลงมาอยู่ที่ 886,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากที่เคยพุ่งทะยานถึง 1.13 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
นักลงทุนแสดงความกังวลว่า Cupertino บริษัทในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นบริษัทเทคโนโลยีนวัตกรรมมานานหลายปี จะได้รับผลกระทบจากยอดขายไอโฟนในอีก 2 – 3 ปีหน้า
แอปเปิลเริ่มต้นเดือนพ.ย.ด้วยการรายงานว่าจำนวนการจัดส่งไอโฟนพลาดเป้าจากการคาดการณ์ของวอลล์สตรีทในไตรมาสนี้ และระบุว่า บริษัทจะไม่รายงานตัวเลขยอดขายไอโฟนอีกต่อไป ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่หลายคนมองว่า การเติบโตของยอดขายไอโฟนอาจชะลอตัวลง
Daniel Ives นักวิเคราะห์ที่ Wedbush Securities กล่าวกับสื่อ CNBC เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ว่า “ เพราะเรื่องนี้มีความโปร่งใสน้อยลง นักลงทุนจึงกลัวว่าแอปเปิลพยายามซ่อนตัวเลขการเติบโตที่ชะลอตัวลง เมื่อคุณเห็นความกังวลกระจายไปทั่วพื้นที่บริษัทเทคโนโลยี รวมกับความคาดหวังว่าแอปเปิลจะมีน้ำหนักกับกลุ่มบริษัท FANG ( Facebook, Amazon, Netflix,Google) มันจึงเหมือนกับถูกพายุโถมเข้าใส่ ”
บริษัทผู้ผลิตไอแพดกำลังกลายร่างจากธุรกิจที่ผลิตอุปกรณ์จำนวนมากมาเป็นบริษัทที่เน้นถึงผลิตภัณฑ์หรูและยอดขายซอฟท์แวร์ เมื่อซัพพลายเออร์ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ให้แอปเปิลออกมาย้ำถึงปริมาณคำสั่งซื้อที่ลดลง จึงเกิดคลื่นความกังวลแผ่ขยายไปทั่วภาคส่วนเทคโนโลยี
โดยเมื่อวันที่ 12 พ.ย. หุ้นแอปเปิลร่วงลงถึง 5% หลังจาก Lumentum หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตชิประบุว่า หนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของบริษัทลดจำนวนการสั่งซื้อลง แม้ Lumentum (ซึ่งเป็นผู้ผลิต 3D เลเซอร์ ซึ่งใช้ในเทคโนโลยีสแกนใบหน้าของแอปเปิล) ไม่ได้เอ่ยชื่อแอปเปิลออกมาตรงๆ แต่วอลล์สตรีทก็ประเมินเอาว่าแอปเปิลเป็นบริษัทต้องสงสัยลำดับแรก
“ คุณไม่ได้พูดถึงแค่แอปเปิลเท่านั้น แต่กระทบกับห่วงโซ่อาหารทั้งหมด รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ด้วย ” Ives เสริม “ หุ้นกลุ่ม FANG แกว่งไปมาในช่วง 2 – 3 เดือนนี้ การชะลอตัวล่าสุดของแอปเปิล ทำให้นักลงทุนอยู่ไม่เป็นสุข ”
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. นักวิเคราะห์จากทั้ง Guggenheim Partners และ UBS ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ของหุ้นแอปเปิลลง และโทษว่ายอดขายสมาร์ทโฟนที่มีราคาถูกกว่าเป็นสาเหตุให้แนวโน้มมืดมนลง
โดย Robert Chira จาก Guggenheim ลดอันดับหุ้นแอปเปิลลงมาอยู่ที่ระดับ ‘กลาง’ จากเดิมคือ ‘ซื้อ’
“ ไม่เหมือนปีก่อน เราไม่เห็น ASP (ราคาขายเฉลี่ย) เพิ่มขึ้นพอที่จะชดเชยได้ โดยเราคาดการณ์ว่า ไอโฟน ASPs เพิ่มขึ้นเพียง +3%Y/Y ทำให้รายได้ไอโฟนอยู่ที่ -2%Y/Y ”
“ นอกจากนี้ เราเห็นความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากดีมานด์ไอโฟนที่อ่อนแรงลง จากยอดขายที่ลดลงในจีน อินเดีย และตลาดประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่นๆ ที่ซึ่งแอปเปิลจำเป็นต้องเริ่มพิจารณาการลดราคาลง ” นักวิเคราะห์เสริม
โน้ตของ Chira มีขึ้นหลัง Goldman Sachs ลดตัวเลขประเมินไอโฟนลง โดยคาดการณ์ว่า แอปเปิลจะผลิตไอโฟนลดลง 6% ในปีหน้า และปรับลดระดับราคาหุ้นแอปเปิลลงเหลือ 209 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ส่งผลให้หุ้นแอปเปิลร่วงลง 1% ในวันที่ 13 พ.ย.