“ทำใจ ทำใจ ทำใจ” “สร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่”
“พิชัย” ชี้ “ประยุทธ์” สร้างปัญหาหาต่อ ก่อปัญหาใหม่ ห่วง สหรัฐอเมริกาขึ้นดอกเบี้ย ทำเงินทุนของไทยลดลง แนะ ฟังแนวทางไอเอ็มเอฟ และ “โน๊ต” สะท้อนความจริงที่คนไทยรู้สึก
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่มีกระจายคลิปของ “โน๊ต” อุตม แต้พานิช ที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานที่ล้มเหลวของพลเอกประยุทธ์จนเป็นกระแสฮือฮาทั่วโซเซียล และเป็นแนวทางเดียวกับที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้วิพากษ์วิจารณ์พลเอกประยุทธ์มาตลอด และเคยแถลงความล้มเหลว 10 ข้อไว้แล้ว ทั้ง การเป็นรัฐบาลที่พึ่งไม่ได้ การกู้หนี้จากหลายชาติ ชาตินี้ใช้หนี้ไม่หมด แกล้งโกรธเพื่อกลบปัญหา โปร่งใสแต่ห้ามตรวจสอบ โดยเฉพาะเรื่องสร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่ ที่ปัญหาต่างๆจะเพิ่มขึ้นใหม่และประดังเข้ามาอย่างแน่นอน ทั้งเรื่องเงินเฟ้อของไทยที่ยังสูงอยู่ที่ 6.41 %ในเดือนกันยายน การขาดดุลการค้าและขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และ การขาดดุลการคลังจำนวนมากที่จะมีแผนกู้ใหม่ถึง 1.05 ล้านล้านบาทในปี 2566 ปัญหาดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นปัญหาใหม่ที่พลเอกประยุทธ์ยังไม่รู้เลยว่าจะรับมืออย่างไรหรือพึ่งไม่ได้จริงตามที่โน๊ตบอก
โดยล่าสุด อัตราเงินเฟ้องของสหรัฐอเมริกาในเดือนกันยายนอยู่ที่ 8.2% ซึ่งยังสูงมาก ทั้งที่ธนาคารกลางสหรัฐได้ขึ้นดอกเบี้ยแล้ว 3 ครั้งแต่เงินเฟ้อของสหรัฐก็ยังไม่ลดลงข่าวเลย ดังนั้นจึงเป็นไปได้สูงที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในครั้งหน้า ธนาคารกลางสหรัฐน่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% และ อาจจะขึ้นถึง 2 ครั้งเลยก่อนสิ้นปี ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัผมในสิ้นปีนี้อาจจะสูงถึง 4.50% และ อาจจะต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีหน้าด้วย
ทั้งนี้การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐจะผลกระทบต่อไทยค่อนข้างมาก ซึ่งกดดันให้ ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องขึ้นดอกเบี้ยตาม แม้อาจจะไม่ขึ้นสูงเท่าแต่ก็คงต้องขึ้น เพิ่อไม่ให้ช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยของไทยและสหรัฐต่างกันมาก ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเร็วเกินไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อให้มากขึ้น อีกทั้งป้องกันไม่ให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศไหลออก โดยในเดือนกันยายนลดลงถึง 14,017 ล้านเหรียญ ทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศไทยลดลงมาเหลือ 199,444 ล้านเหรียญ หลุดจาก 2 แสนล้านเหรียญแล้ว ซึ่งนับเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี และคิดเป็นการลดลง 18.9% จากปลายเดือนปีที่แล้ว ซึ่งหากยังลดลงอย่างรวดเร็วอีก ก็น่าเป็นห่วงเพราะระดับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยที่สะสมมาตั้งแต่หลายรัฐบาลเป็นจุดแข็งของไทยจุดเดียวที่ยังมีอยู่ ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ระมัดระวัง เพราะอาจจะเป็นปัญหาหนักได้ในอนาคต
ทั้งนี้ ตามที่รัฐบาลอ้างว่ามีนิตยสารจัดไทยอันดับ 5 ของเอเชีย ก็อยากให้รัฐบาลและ ธปท. ได้ฟังคำแนะนำของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) โดย Corinne Delechat หัวหน้าแผนกของเอเชีย แปซิฟิก ของไอเอ็มเอฟ และ เป็นหัวหน้าภารกิจในประเทศไทย ที่กล่าวเหมือนกับที่คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยได้เคยเตือนไว้แล้วหลายครั้ง โดยเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาตลอดจากปัจจัยความเสื่อมถอยหลายด้าน ดังนั้นการที่จะฟื้นเศรษฐกิจไทยจะต้องปรับเปลี่ยนหลายด้านพร้อมๆกัน โดยเฉพาะการลงทุนทางด้านดิจิตอลและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวของกับภูมิอากาศและการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้เกาะกระแสการขยายตัวของการปรับเปลี่ยนด้านดิจิตอลและการปรับเปลี่ยนด้านสีเขียวหรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เร่งพัฒนาในการเป็นศูนย์กลางการค้าและศูนย์กลางการเงินของภูมิภาคจะขยายฐานเศรษฐกิจของไทยให้ทีการค้าการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยมีความยืดหยุ่นเพื่อรองรับปัญหาของเศรษฐกิจโลกได้ ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้ฟังมุมมองจากไอเอ็มเอฟที่บอกเหมือนคณะทำงานพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้แล้วบ้าง จะได้เลิกอคติคิดว่าเป็นการโจมตี
ผู้นำที่ดีต้องเปิดใจรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกด้านเพื่อนำมาพิจารณาปรับปรุงการทำงานของตนเอง แม้กระทั่งเสียงจากคุณโน้ต ที่นำเรื่องจริงมาทำเป็นเรื่องตลก สะท้อนผู้นำ ที่ในต่างประเทศก็ทำกันเสมอ เพราะนั่นเป็นการสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของคนส่วนใหญ่ ถึงขนาดที่เป็นกระแสกระหึ่มทั้งโซเชียลขนาดนี้ ถ้ายังปิดหูปิดตาส่งลิ่วล้อมาโต้แบบมั่วๆ ก็ควรจะต้องดีดตัวออกจากเครื่องบินที่บรรทุกคนไทยทั้งประเทศกันได้แล้ว มิเช่นนั้นก็คงไม่พ้นที่จะ “สร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่” ให้คนไทยลำบากกันต่อไป