สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 1 ต.ค. 65
ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้
ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา จ.สุโขทัย (119 มม.) จ.ลำปาง (116 มม.) และจ.เพชรบูรณ์ (115 มม.)
การแจ้งเตือนน้ำหลาก – ดินถล่ม
เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และน้ำท่วมขัง ดังนี้
1. ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน ตาก แพร่ กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี และเพชรบูรณ์
2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
3. ภาคกลาง จ.สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
4. ภาคตะวันออก จ.นครนายก สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด
5. ภาคใต้ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต นครศรีธรรมราช และนราธิวาส
เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่ง บริเวณแม่น้ำสายหลักและ ลำน้ำสาขา ของแม่น้ำสาย แม่น้ำกก แม่น้ำวัง แม่น้ำยม แม่น้ำน่าน แม่น้ำแควน้อย แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย แม่น้ำเลย แม่น้ำชี ลำน้ำเชิญ ลำน้ำพรม ลำน้ำพอง แม่น้ำมูล แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำตราด
แม่น้ำสายหลัก น้ำน้อยถึงปกติ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนแม่น้ำโขง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ปริมาณน้ำ แหล่งน้ำทุกขนาด 60,902 ลบ.ม. (74%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 53,198 ล้าน ลบ.ม. (74%)
เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่มีปริมาตรน้ำสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการเก็บกักน้ำสูงสุด 19 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่งัดสมบูรณ์ชล แม่มอก บึงบอระเพ็ด ทับเสลา กระเสียว ห้วยหลวง จุฬาภรณ์ อุบลรัตน์ ลำตะคอง ลำพระเพลิง มูลบน ลำแซะ ลำนางรอง สิรินธร ขุนด่านปราการชล คลองสียัด บางพระ หนองปลาไหล และนฤบดินทรจินดา
ประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 45/2565 เฝ้าระวังระดับน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา
จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “โนรู”(NORU) ในช่วงวันที่ 28- 30 ก.ย. 65 เกิดฝนตกหนักบริเวณภาคเหนือ และภาคกลาง ส่งผลให้มีน้ำท่าหลากลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำป่าสัก ปริมาณมากขึ้น กอนช.คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ (C.2) อยู่ในเกณฑ์ 2,600- 2,700 ลบ.ม./วินาที แล้วไหลมารวมกับแม่น้ำสะแกกรังและลำน้ำสาขาไหลเข้าเขื่อนเจ้าพระยา โดยกรมชลประทานได้พิจารณารับน้ำเข้าคลองฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกเต็มศักยภาพคลองที่สามารถรองรับน้ำได้ ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอยู่ในอัตรา 2,600- 2,700 ลบ.ม./วินาที ในช่วงวันที่ 1 – 7 ต.ค. 65 ประกอบกับคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในช่วงวันที่ 30 ก.ย. – 6 ต.ค. 65 ประมาณ 800 ล้าน ลบ.ม ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนมีแนวโน้มเกินความจุที่ระดับเก็บกักสูงสุด จึงจำเป็นต้องทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันได ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 และจะควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ในอัตราไม่เกิน 800ลบ.ม./วินาที จึงขอให้เฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่เสี่ยง ดังนี้
1. แม่น้ำป่าสัก บริเวณริมแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่เขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น จากเดิมประมาณ 1.20 – 1.50 ม. และจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน 0.25 – 0.50 ม.
2. แม่น้ำเจ้าพระยา ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 0.30 –0.60 ม. บริเวณชุมชนพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท อ.อินทร์บุรี เมืองสิงห์บุรี และพรหมบุรี จ.สิงห์บุรี อ.ป่าโมก และไชโย คลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล อ.เสนา และ ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และ จ.สมุทรปราการในการนี้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ ทั้งนี้ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ และช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ขอรายงานสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำ ประจำวันที่ 1 ต.ค. 2565 ดังนี้
1. ประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ
1.1 ประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 44/2565 ลงวันที่ 28 กันยายน 2565 กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ แจ้งเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง จากคาดการณ์สภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าพายุไต้ฝุ่น “โนรู” จะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างบริเวณจังหวัดอำนาจเจริญและอุบลราชธานี
ในคืนวันที่ 28 ก.ย. 2565 ส่งผลทำให้มีฝนตกหนักและมีฝนตกหนักมากหลายพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ โดยอิทธิพลของพายุจะส่งผลให้มีปริมาณฝนตกต่อเนื่องสะสม 150 – 250 มิลลิเมตร ประกอบกับปัจจุบันในลำน้ำและแหล่งน้ำมีปริมาณน้ำมากอาจส่งผลให้เกิดน้ำหลากน้ำท่วมฉับพลัน จึงขอให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงเพิ่มเติม ในช่วงวันที่ 29 ก.ย. – 4 ต.ค. 2565 จากประกาศฉบับที่ 41/2565 ได้แก่ ภาคเหนือ บริเวณจังหวัดลำปาง ตาก เพชรบูรณ์ และกำแพงเพชร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดอุดรธานี ชัยภูมิ ขอนแก่น ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ และมุกดาหาร ภาคกลาง บริเวณจังหวัดลพบุรี และสระบุรี และภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี
1.2 ประกาศศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 4/2565 ลงวันที่ 29 ก.ย. 2565 เรื่องเฝ้าระวังระดับน้ำท่วมพื้นลุ่มต่ำ จังหวัดอุบลราชธานี จากการติดตามสถานการณ์น้ำแม่น้ำมูลบริเวณสถานีตรวจวัดน้ำ M.7 อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,737 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำ +114.21 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง สูงกว่าระดับตลิ่ง2.21 เมตร ปัจจุบันเกิดสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งนอกแนวคันกั้นน้ำบริเวณแนวฟันหลอและหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำในอำเภอวารินชำราบ และอำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ประกอบกับปริมาณน้ำจากแม่น้ำชีตอนล่างและแม่น้ำมูลตอนกลางไหลมาสมทบแม่น้ำมูล จังหวัดอุบลราชธานี จากการคาดการณ์ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ในวันที่ 5 ต.ค. 2565 ระดับน้ำบริเวณสถานี M.7 มีระดับน้ำ +115.34 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำล้นตลิ่งที่หลากเข้าท่วมขังบริเวณที่ลุ่มต่ำ อำเภอวารินชำราบ (ตำบลหนองกินเพล บุ่งไหม และคำน้ำแซบ) อำเภอเมืองอุบลราชธานี (ตำบลกุดลาด หนองบ่อ แจระแม ในเมือง และปทุม) และอำเภอเขื่องใน (ตำบลชีทวน) ระดับน้ำ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยระดับน้ำสูงมากกว่า 2.00 เมตร
2. สถานการณ์น้ำท่วม
สถานการณ์พายุโซนร้อนกำลังแรง “โนรู (NORU)” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางใต้เล็กน้อย เคลื่อนผ่านสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ลงทะเลจีนใต้ตอนกลางพายุเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนบน เคลื่อนเข้าประเทศไทยบริเวณ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ในวันที่ 28 กันยายน 2565 เวลา 18.00 น. ส่งผลทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรงบริเวณภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ระหว่างวันที่ 28 ก.ย. – 1ต.ค. 2565 มีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 33 จังหวัด ภาคเหนือ จำนวน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ พิจิตร ลำพูน พิษณุโลก สุโขทัย ตาก และกำแพงเพชร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเลย ชัยภูมิ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร มุกดาหาร อุบลราชธานี นครราชสีมา อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ภาคกลาง จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดลพบุรี เพชรบูรณ์ สระบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท สุพรรณบุรี และนครปฐม ภาคตะวันออก จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี สระแก้ว และปราจีนบุรี