“วงษ์สยาม” ซัด “ยุทธพงศ์” เล่นเกม ยันประมูลท่ออีอีซีโปร่งใสให้รัฐสูงสุด
ซีอีโอ “วงษ์สยามฯ” โต้ “ยุทธพงศ์” ยันประมูลท่อส่งน้ำอีอีซีโปร่งใส ย้ำยื้อเวลาชะลอเซ็นสัญญาราชการเสียหายหนัก 560ล้านต่อปี ซัดกลับอย่างเล่นเกมการเมือง แฉอีสต์วอเตอร์จ่ายส่วนแบ่งรัฐแค่1% “วงษ์สยาม” ให้กรมธนารักษ์ 27%
นายอนุฤทธิ์ เกิดสินธ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ผู้ได้รับสิทธิบริหาร และดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ( อีอีซี) ให้สัมภาษณ์กรณีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ระบุมีคนสั่งการเร่งรัดลงนามสัญญาโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี และทำหนังสือถึงรักษาการนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และปลัดกระทรวงการคลัง ให้ชะลอการลงนามสัญญา อ้างรัฐจะเสียหายนั้นว่า การประมูลโครงการนี้เป็นไปตามขั้นตอน และระเบียบราชการ อย่างโปร่งใส ชัดเจน และรัฐได้ประโยชน์สูงสุด ก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2565 ให้ระงับการลงนามสัญญาโครงการเป็นการฉุกเฉิน ไว้ชั่วคราว ก่อนพิพากษา หรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีดังกล่าว ดังนั้นจึงเลื่อนการลงนามสัญญาโครงการออกไปก่อน
“ต่อมาบริษัทฯ ได้อุทธรณ์ไปยังศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของศาลปกครองกลาง บัดนี้ปรากฏข้อเท็จจริงแล้วว่าศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ยกคำขอของผู้ฟ้องคดี ดังนั้นจึงมีเหตุอันชอบธรรมตามกฎหมาย ที่กรมธนารักษ์ จะจัดให้ลงนามในสัญญาโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี ต่อไปได้”
นายอนุฤทธิ์ กล่าวว่า เพื่อมิให้เกิดการทอดเวลาในการลงนามสัญญาออกไป ซึ่งจะไม่เป็นไปตามแผนกรอบเวลา ที่กรมธนารักษ์กำหนด เพราะถ้าหากไม่เป็นไปตามระยะเวลาจะทำให้รัฐเสียหายอย่างมาก เนื่องจากไม่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทน คิดค่าเสียหายจากการไม่ได้รับผลตอบแทนรายปี ปีที่ 1 จำนวน 122,313.30 บาท ต่อวัน และความเสียหายจากการไม่ได้รับส่วนแบ่งรายได้รายปี ปีที่ 1 คิดเป็นค่าเสียหายจำนวน 1,228,657.53 บาท ต่อวัน รวมค่าเสียหายทั้งสิ้นจำนวน 1,549,600.98 บาท ต่อวัน หรือคิดเป็นค่าเสียหายรวมทั้งสิ้นจำนวน 46,488,029.26 บาท ต่อเดือน หรือ 565,604,356.00 บาท ต่อปี
นายอนุฤทธิ์ กล่าวว่า หากกรมธนารักษ์ยังให้ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสต์วอเตอร์ ครอบครองใช้ประโยชน์ จากทรัพย์สินของแผ่นดินต่อไปโดยจ่ายค่าตอบแทนแบบเดิม อาจจะมีข้อครหาจากประเด็นดังกล่าวได้ว่าเป็นการให้ใช้ทรัพย์สินของแผ่นดินโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดแก่หน่วยงานรัฐและเอื้อประโยชน์ต่ออีสต์วอเตอร์ซึ่งเป็นผู้แพ้ประมูล
“บริษัทฯเป็นผู้ได้รับสิทธิบริหารโครงการนี้ โดยทางกรมธนารักษ์ มีหนังสือแจ้งกำหนดวันลงนาม และให้บริษัทเพื่อชำระตามสัญญา 2 ครั้ง ที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการครบถ้วนทุกประการ หากนับระยะเวลาตั้งแต่ วันที่คณะกรรมการที่ราชพัสดุ มีมติเห็นชอบเมื่อเดือนมีนาคม 2565 จนถึงวันนี้ บริษัทได้รับผลกระทบอย่างมาก หากไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่กรมธนารักษ์กำหนดจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทฯ จนไม่อาจเยียวยาได้ ดังนั้นขอย้ำอีกครั้งว่าไม่มีใครที่ไปสั่งการ เร่งรัดลงนามสัญญา แต่เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องชอบธรรมและศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้ว” นายอนุฤทธิ์กล่าว
นายอนุฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องให้ผู้กล่าวโจมตีโครงการนี้ ใช้สติในการพิจารณา ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ อย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นเกมการเมือง เพราะจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐมากขึ้น
“ผมไม่ทราบว่ารัฐจะเสียหายยังไง ในเมื่อสัญญาใหม่นี้ อีสต์วอเตอร์จ่ายส่วนแบ่งให้รัฐเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี ขณะที่วงษ์สยามฯ จ่ายให้รัฐ 27% ต่อปี” นายอนุฤทธิ์ กล่าว