อเมซอนปรับขึ้นค่าแรง แต่งดโบนัส/หุ้น
บริษัทยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซ – อเมซอน ประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำต่อชั่วโมงให้พนักงานแล้ว แต่พนักงานก็ต้องแลกกับการไม่ได้เงินโบนัสรายเดือนและหุ้นของบริษัทอีก
โดยอเมซอนยืนยันในอีเมลถึงสื่อ CNBC ว่า บริษัทจะงดจ่ายเงินจูงใจผลงานประจำเดือน และรางวัลหุ้น เนื่องจากบริษัทได้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 15 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 491 บาทต่อชั่วโมงแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทย้ำว่าค่าแรงที่ปรับขึ้นสูงกว่าเงินชดเชยอื่นๆ ที่สูญเสียไปจากสิทธิประโยชน์ที่พนักงานเคยได้ก่อนหน้านี้
“ เงินค่าจ้างรายชั่วโมงที่ปรับเพิ่มขึ้น มีมูลค่าสูงกว่าเงินชดเชยในส่วนอื่น อย่างเงินจูงใจผลงาน และหุ้น ” โฆษกของอเมซอนระบุในอีเมลแถลงการณ์ “ เราสามารถยืนยันได้ว่าค่าจ้างรายชั่วโมงของพนักงานฝ่ายปฏิบัติการและฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์จะสูงกว่าเงินชดเชยทั้งหมดซึ่งเป็นผลจากคำประกาศนี้ นอกจากนี้ เนื่องจากไม่มีฐานเงินจูงใจผลงานอีกต่อไป เงินชดเชยจะจ่ายเร็วขึ้นและคาดเดาได้มากขึ้น ”
นอกจากนี้ พนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการปรับค่าแรงจะมีโอกาสได้พิจารณาโครงสร้างค่าจ้างใหม่ และสามารถแสดงออกถึงความข้องใจกับทางบริษัทได้ อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องในประเด็นนี้
มีคำยืนยันนี้จากบริษัท หลังจากมีรายงานหลายฉบับเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ระบุว่า พนักงานคลังสินค้าของอเมซอนจำนวนหนึ่งชี้แจงว่า พวกเขาได้ผลประโยชน์น้อยลงจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ โดยสื่อเดอะการ์เดียนรายงานว่า ปัจจุบัน พนักงานคลังสินค้าได้รับหุ้นของอเมซอน 1 หุ้น (มูลค่า 1,959 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 64,059 บาท) ทุกสิ้นปี และจะได้หุ้นเป็นรางวัลสมทบเพิ่มอีก 1 หุ้นทุก 5 ปี ยาฮูนิวส์ชี้ว่า พนักงานคลังสินค้าจะได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น 8% ต่อเดือนจากรายได้เดิม ซึ่งอาจสูงถึง 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 98,160 บาทต่อปีสำหรับพนักงานจำนวนหนึ่ง โดยมีการแจ้งเตือนการเปลี่ยนแปลงนี้ต่อพนักงานเมื่อวันที่ 3 ต.ค. อ้างอิงจากรายงานของสื่อบลูมเบิร์ก
ทั้งนี้ อเมซอนเปิดเผยในแถลงการณ์ของบริษัทเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ว่า จะทดแทนรางวัลหุ้นด้วยการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เพราะพนักงานชอบที่จะได้รับเงินสดที่คำนวณได้ในทันทีมากกว่าเมื่อเทียบกับรางวัลหุ้น โดยบริษัทไม่ได้ชี้แจงเรื่องเงินโบนัสประจำเดือนแต่อย่างใด
คำประกาศถือเป็นข้อมูลที่แจ้งต่อสาธารณะสำหรับอเมซอน ซึ่งเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์มานานเรื่องค่าจ้างที่ต่ำเกิน และสภาพบรรยากาศในการทำงานที่ย่ำแย่ในคลังสินค้า โดยผู้ที่ออกโรงวิจารณ์บริษัทอย่างรุนแรงคือวุฒิสมาชิก.เบอร์นี แซนเดอร์ส และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยทั้งสองคนต่างกล่าวยกย่องชื่นชมความเคลื่อนไหวของบริษัทเมื่อวันที่ 2 ต.ค.เป็นอย่างมาก.