สถานการณ์ผลิตภาพแรงงานไทยในปัจจุบัน
EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ วิเคราะห์เรื่อง สถานการณ์ผลิตภาพแรงงานไทยในปัจจุบัน – ยังไม่แย่ แต่ไม่พอ และน่ากังวล
จากการวิเคราะห์ด้านผลิตภาพแรงงานของไทย (Labor Productivity) อีไอซีพบว่า ผลิตภาพแรงงานไทยในช่วงปัจจุบันยังไม่แย่ สะท้อนจากอัตราการเติบโตของผลิตภาพแรงงานในช่วงปัจจุบัน (2554-2558) มีระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนหน้า (2546-2550) ที่ประมาณ 4% ต่อปี แต่ระดับการเติบโตดังกล่าวไม่เพียงพอ เนื่องจากกำลังแรงงานไทยกำลังลดลงจากการเข้าสู่สังคมชราภาพ โดยอีไอซีประเมินว่า หากยังไม่ปรับปรุงผลิตภาพแรงงานให้ดีขึ้น เศรษฐกิจไทยอาจต้องใช้เวลา 30 ปีหรือมากกว่าในการก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลางเพื่อกลายเป็นประเทศรายได้สูง
นอกจากนี้ สถานการณ์ผลิตภาพแรงงานของไทยยังมีข้อน่ากังวลหลายประการ เริ่มจากระดับผลิตภาพแรงงานที่มีการคำนวณกันทั่วไปอาจเป็นค่าที่สูงเกินจริง เนื่องจากการคำนวณส่วนใหญ่ยังไม่ได้รวมแรงงานต่างชาติเข้าไปในกำลังแรงงาน โดยหากรวมแรงงานต่างชาติในกำลังแรงงาน จะทำให้ผลิตภาพแรงงานเฉลี่ยต่อคนลดลงถึง -4.1% รวมถึงอัตราเติบโตของผลิตภาพแรงงานก็จะลดลงเช่นเดียวกัน และหากพิจารณาเชิงลึกก็ยังพบว่าสาเหตุสำคัญของการเติบโตของผลิตภาพแรงงานในช่วงที่ผ่านมาเกิดจากการเคลื่อนย้ายแรงงานจากสาขาการผลิตที่มีผลิตภาพแรงงานต่ำไปยังสาขาผลิตที่มีผลิตภาพแรงงานสูง
แต่อัตราการเติบโตของผลิตภาพแรงงานในแต่ละสาขาการผลิตกลับมีทิศทางลดลง สะท้อนว่าแรงงานในแต่ละสาขาการผลิตไม่ได้มีการพัฒนาเท่าที่ควรในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข้อน่ากังวลต่อการพัฒนาผลิตภาพแรงงานรวมในระยะต่อไป เนื่องจากแนวโน้มการเคลื่อนย้ายแรงงานเพิ่มเติม
โดยเฉพาะจากภาคเกษตร จะมีข้อจำกัดมากขึ้นในระยะข้างหน้าจากปัญหาต่าง ๆ เช่น แรงงานมีทักษะต่ำ ทำให้ไม่สามารถย้ายไปยังสาขาการผลิตที่ต้องใช้ทักษะสูงกว่าได้ เป็นต้น นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่น นอกจากผลิตภาพแรงงานไทยจะมีระดับต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วอย่างชัดเจน ยังพบว่า เศรษฐกิจไทยมีแรงงานที่มีผลิตภาพสูงเป็นส่วนน้อยของกำลังแรงงานทั้งหมด
โดยแรงงานส่วนใหญ่ของไทยมีการกระจุกตัวที่ระดับผลิตภาพต่ำ ต่างจากประเทศพัฒนาแล้วที่ระดับผลิตภาพแรงงานมีการกระจายตัวมากกว่า ซึ่งลักษณะดังกล่าวอาจสะท้อนว่าแรงงานส่วนใหญ่ของไทยมีทักษะต่ำ จึงอาจปรับตัวช้าและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาในอนาคต และสำหรับข้อกังวลสุดท้ายคือ ทรัพยากรแรงงานและทุนของไทยมีการจัดสรรอย่างไม่มีประสิทธิภาพในหลายสาขาการผลิต โดยพบว่าสาขาเกษตรมีประสิทธิภาพการใช้แรงงานต่ำกว่าสาขาอื่น ขณะที่สาขาสาธารณูปโภค และสาขาขนส่งและโทรคมนาคมมีประสิทธิภาพการใช้ทุนต่ำกว่าสาขาอื่น ดังนั้นหากใช้เกณฑ์การผลิตตามประสิทธิภาพ สาขาการผลิตข้างต้นก็ควรใช้ทรัพยากรแรงงานและทุนลดลงและนำทรัพยากรไปจัดสรรให้สาขาอื่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ทั้งนี้กากจัดสรรทรัพยากรใหม่ตามหลักประสิทธิภาพ จะทำให้ระดับ TFP เพิ่มขึ้นได้ทันทีถึง 20% โดยย่อมหมายถึงระดับ GDP ที่ดีขึ้น ซึ่งจะสามารถทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลางได้เร็วมากกว่าเดิม
การเพิ่มผลิตภาพแรงงานในอนาคตต้องอาศัยความร่วมมือทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนผ่านนโยบายระดับประเทศและบริษัท โดยในระดับประเทศ รัฐควรมีการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะด้านสาธารณูปโภคน้ำและการขนส่งทางราง ตลอดจนการลงทุนด้าน ICT นอกจากนี้ ยังควรปรับปรุงระบบการศึกษาให้มีคุณภาพและสามารถนำไปใช้งานได้จริงมากขึ้น โดยควรเน้นผลิตนักศึกษาตามสายที่ตลาดแรงงานต้องการ (demand-driven) เพื่อแก้ปัญหา skill mismatch ทั้งนี้ภาครัฐยังควรต้องลดการผูกขาดและส่งเสริมให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรมและเสรีมากขึ้น