เกาหลีใต้ว่างงานสูงสุดในรอบ 8 ปี
อัตราการว่างงานในเกาหลีใต้เดือนส.ค.ปีนี้พุ่งสูงสุดในรอบ 8 ปี จากปัญหาการปรับขึ้นค่าแรง นโยบายเศรษฐกิจที่ผันผวน และความท้าทายทางการเมืองสำหรับประธานาธิบดีมุนแจอินที่เรตติ้งความนิยมในตัวเขาลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง
โดยอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นเป็น 4.2% ในเดือนส.ค. จากเดิม 3.8% ในเดือนก.ค.ทำให้จำนวนคนว่างงานเพิ่มอีก 134,000 คน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นับเป็นตัวเลขของตลาดแรงงานที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 2553 ซึ่งเศรษฐกิจยังคงไม่ฟื้นตัวจากวิกฤตการเงิน เมื่อตำแหน่งงานหายไปถึง 10,000 อัตรา
คิมดองยอน รมว.กระทรวงการคลังระบุเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ว่า รัฐบาลจำเป็นต้องปรับนโยบายค่าแรง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าอาจมีการชะลอการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ “รัฐบาลจะมีการปรึกษาหารือให้มีการชะลอการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำกับพรรครัฐบาลและทำเนียบประธานาธิบดี” คิมดองยอนกล่าวถึงการประชุมนโยบายในกรุงโซล โดยเสริมว่า เขาไม่ได้คาดหวังว่าตลาดงานจะฟื้นตัวได้ในระยะสั้น
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ปัญหาการว่างงานอาจทำให้ประธานาธิบดีมุนพิจารณานโยบายการเมืองอย่างรอบคอบ เนื่องจากเขาโน้มน้าวให้มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขึ้นกับเกาหลีเหนือ แต่ข่าวดีจากการประชุมระหว่างสองผู้นำเกาหลียังไม่เพียงพอที่จะชดเชยความไม่พอใจของประชาชน ทั้งจากปัญหาการว่างงานและราคาบ้านที่พุ่งสูงขึ้น
มากกว่า 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามในการสำรวจของ Gallup Korea ต่างวิจารณ์ประธานาธิบดีมุนในด้านการบริหารเศรษฐกิจ รวมถึงการไร้ความสามารถในการปรับปรุงความเป็นอยู่ของพลเมืองและการปรับขึ้นค่าแรง
รายงานด้านอัตรางานแสดงให้เห็นว่า ภาคส่วนค้าปลีกและที่อยู่อาศัย ซึ่งการจ้างงานลดลงถึง 202,000 อัตราในเดือนส.ค.เป็นภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง มีตำแหน่งงานหายไป 105,000 อัตรา อย่างไรก็ตาม ในภาคส่วนเกษตรกรรม การก่อสร้าง และคมนาคมยังคงมีตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยตัวเลขสูงกว่าจำนวนแรงงานที่ถูกปลดออก
ทั้งนี้ จำนวนการจ้างงานโดยรวมเพิ่มขึ้นเพียง 3,000 อัตราเท่านั้น นับเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 2553 เช่นกัน
รายงานตัวเลขการว่างงานในแต่ละเดือนก่อให้เกิดความไม่พอใจในบรรดาชาวเกาหลีใต้ ส่งผลให้เรตติ้งความนิยมในตัวประธานาธิบดีมุนลดลงต่ำกว่า 50% เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยผลสำรวจรายสัปดาห์ของ Gullup Korea ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ชี้ว่า เสียงสนับสนุนประธานาธิบดีมุนร่วงลงถึง 4% ลงมาเหลือ 49% ถือเป็นตัวเลขต่ำสุดตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนพ.ค.ปี 2560
“จากตัวเลขนี้ เราจะไม่เห็นการจ้างงานเพิ่มขึ้นในเดือนก.ย. หรือเดือนถัดไป” โอซุกแท นักเศรษฐศาสตร์ที่ Societe Generale ให้ความเห็น
โดยเขากล่าวว่า นักเศรษฐศาสตร์จากสำนักคิดของรัฐอย่างสถาบันเพื่อการพัฒนาเกาหลีเชื่อว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 16%ในปีนี้ (ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นสูงสุดในรอบเกือบสองทศวรรษ) คงเป็นเรื่องยากสำหรับนายจ้างที่จะตัดสินใจได้
“ท่านประธานาธิบดีควรมีความรับผิดชอบในเรื่องนี้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนได้ หากนายจ้างยังไม่เปลี่ยนความคิดเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ” เขากล่าว.