ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 16-17 ส.ค. 2565
ระหว่างวันที่ 17 -19 ส.ค.นี้ จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระสำคัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วงเงิน 3.18 ล้านล้าน ในวาระที่ 2 และ 3 โดยเป็นการพิจารณารายมาตรา
เรื่องที่ 1,324 สำหรับงบประมาณปี 2566 ในชั้นของคณะกรรมาธิการ วิสามัญฯ ได้ลดงบประมาณของหน่วยงานต่างๆ กว่า 7,600 ล้านบาท ขณะเดียวกันได้มีการเสนอเพิ่มงบประมาณ โดยใช้งบประมาณจำนวนที่ปรับลด จากหน่วยงานต่างๆ มาแปรเพิ่มงบประมาณจำนวน 10 รายการ อาทิ
งบประมาณกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จำนวน 500 ล้านบาท
งบประมาณของกรมการข้าว โครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าว (รายการวัสดุการเกษตร) จำนวนกว่า 1,021 ล้านบาท
และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เงินอุดหนุนแผนงานบุคลากร จำนวนกว่า 81 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 กมธ.ได้มีข้อสังเกตในภาพรวมว่า การจัดทำงบประมาณของรัฐบาลยังไม่สอดคล้องกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน เนื่องจากขณะนี้ มีวิกฤตทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นทั่วโลกจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่จากการขออนุมัติงบประมาณของรัฐบาลในปีนี้ กลับเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เพียง 85,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการจัดทำงบประมาณของรัฐบาลไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่การใช้จ่ายภาครัฐต้องเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่จำเป็นต่อการประคับประคองให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและต้องการงบประมาณที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้น กมธ.จึงมีข้อเสนอแนะว่า รัฐบาลควรหามาตรการเพิ่มรายได้ให้รัฐ อาทิ การเพิ่มจำนวนคนที่เข้าสู่ระบบภาษีรายได้ การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีที่ดิน และภาษีมรดก
นอกจากนี้ รัฐบาลควรหามาตรการเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของโครงสร้างงบประมาณในระยะยาว ผ่านการลดสัดส่วนของงบประมาณรายจ่ายที่ตายตัวและเปลี่ยนแปลงไม่ได้ในแต่ละปีให้เหลือเท่าที่จำเป็น
เรื่องที่ 1,325 ทำงานยิ่งกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานก็ต้องยกให้ “กรณ์ จาติกวณิช” หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ล่าสุดไปสาวไส้ ขุดข้อมูลมาแฉวงการพลังงาน โดยระบุว่า บิ๊ก 4 โรงกลั่นน้ำมัน ฟันกำไร พุ่งสูงสุด 1,000 % ประกอบด้วย ไทยออยล์ในไตรมาส 2 กำไรเพิ่มขึ้น +1088.9% เทียบกับปีที่แล้ว ,ESSO +867.1% ,SPRC +825.3% และBCP +199.0% ซึ่งครั้งนี้เพื่อความรอบครอบ และเกรงว่าจะมีคำชี้แจงทำนองว่า ปีที่แล้วกำไรน้อย เอามาเปรียบเทียบไม่ได้เพราะเป็นช่วงโควิด
“กรณ์” จึงให้ทีมงานย้อนกลับไปดูผลประกอบการไตรมาส 2 ย้อนไปสี่ปีจนถึงปี 2561 ปรากฏเอากำไรของ 4 ปีมารวมกันยังไม่ถึงครึ่งของปีนี้เลย ได้อ่านข้อมูลแล้วก็นึกไปตามคำเขียนของ กรณ์ได้เลยว่า ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรระหว่าง น่าตกใจ ,น่าตื่นตาตื่นใจ และน่าสะเทือนใจ ประเด็นที่น่าสนใจที่ “กรณ์” ระบุถึงอีกก็คือ นี่คือกำไรหลังจากที่โรงกลั่นในเครือปตท.คาดการณ์ผิด ไปขายนํ้ามันในตลาดล่วงหน้าที่ต่างประเทศไว้ถึงเกือบ 50% ของกำลังผลิตทั้งหมด ทำให้กำไรหายไปรายละเป็นหมื่นล้านบาท แต่ประชาชนในประเทศก็ยังต้องจ่ายค่าน้ำมันราคาเต็ม
“กรณ์” บอกว่า ค่าการกลั่น เป็นสาเหตุสำคัญที่ราคาหน้าปั๊มเราสูงกว่าที่ควรจะเป็น และเป็นสาเหตุสำคัญที่เรายังต้องใช้หนี้กองทุนน้ำมัน ทุกครั้งที่เราเข้าปั้ม และจะต้องใช้หนี้นี้กันไปอีกหลายปี ส่วนบริษัทค้าน้ำมันนั้นไม่ต้องพูดถึง PTTOR +103.7% และPTG +20.7% (+275.3% เทียบกับไตรมาส 1 ปีนี้) รายได้ส่วนใหญ่ของทั้งสองบริษัทมาจากการขายนํ้ามันให้พวกเรา ซึ่งก็เป็นประเด็นกังขามาตลอดว่า เวลาราคาน้ำมันจากโรงกลั่นลดลง ทำไมราคาหน้าปั๊มไม่ลดตาม “กรณ์” ให้คำตอบว่า อยู่ที่ค่าการตลาด โดยที่ผ่านมาหลายเดือนปัญหาอยู่ที่ค่าการตลาดกรณีน้ำมันเบนซิน ไม่ว่าจะเป็น Gasohol 95 หรือ 91 วันนี้ค่าการตลาดอยู่ที่ 3 บาทต่อลิตร สูงเกินเกณฑ์ปกติอย่างมาก แต่ก็ไม่เห็นว่ากระทรวงพลังงานเดือดร้อนแทนประชาชนเลย ได้เห็นข้อมูลแบบนี้แล้วก็ได้แต่ชะเง้อคอถามหา “มหาเฉื่อย4D สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์” รมว.พลังงานตัวจริง ไม่รู้ว่าท่านจะเห็นปัญหานี้หรือเปล่าน๊ออออ ทำอะไรก็นึกถึงประชาชนบ้างนะขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 1,326 ยอดสลากดิจิทัล ขายดีต่อเนื่องหลายงวดติดต่อกัน ล่าสุด นักข่าวถามอธิบดีกรมสรรพากรในฐานะประธานบอร์ดสลากฯ ว่า งวดหน้า (1 ก.ย.) สลากเริ่มขายวันแรกวันที่ 17 ส.ค.นี้ สำนักงานสลากฯ จะเพิ่มยอดสลากดิจิทัลอีกหรือไม่ “พี่บัล-ลวรณ แสงสนิท” ตอบทันควัน เพิ่มจาก 9.1 ล้านฉบับ ขึ้นเป็น 10.32 ล้านฉบับงวดใหม่นี้อย่างแน่นอน ส่วนผลการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดล่าสุด วันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา “บัด-ลวรณ” ออกมาย้ำอีกแล้ว มีคนถูกสลากที่ 1 จำนวน 1 คนซื้อชุด 9 ใบ ได้รับเงินรางวัล 54 ล้านบาท!!
เรื่องที่ 1,327 ล่าสุดวันที่ 16 ส.ค.นี้ ข้าราชการกระทรวงการคลังสบายใจไปได้อีก 1 สัปดาห์หลังจากผ่านพ้นการประชุม ครม.ต่างก็ระดมพลเช็คข้อมูลใครเป็นอธิบดีกรมธนารักษ์คนใหม่ เรื่องจริงในที่แจ้ง “ปลัดพี่ตู่- กฤษฎา จีนะวิจารณะ” ยืนยันว่าสับเปลี่ยนเพียงตำแหน่งเดียวคือ อธิบดีกรมธนารักษ์แทนคนเกษียณ “น่าจะมาจากรองปลัดคลังนะครับ ไม่มีโยกย้ายใหญ่แต่อย่างใด” ฟังปลัดพี่ตู่พูดแล้วดูดีไปหมด แต่ยังไม่ถึงวันนั้น อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้นะขอครับ
ส่วนรองปลัดกระทรวงคลัง ลุ้นขึ้นชิงตำแหน่ง อธิบดีกรมธนารักษ์ มี 3 คนได้แก่ “จำเริญ โพธิยอด, ธีรัชย์ อัตนวานิชและภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษม ขณะที่ชุณหจิต สังข์ใหม่ หมดสิทธิ์เพราะเกษียณปีนี้ครับ
แต่ที่โชคดีส้มหล่นทับตีนบวมคือ “กีรติ รัชโน” รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยินดีด้วยครับ!!
โดยนพวัชร์