Burberry หยุดเผาสินค้าค้างสต็อก
Burberry แบรนด์สินค้าหรูสัญชาติอังกฤษประกาศว่า บริษัทจะหยุดการเผาทำลายสินค้าค้างสต็อก โดยให้มีผลในทันที
โดยแบรนด์แฟชั่นหรูยังประกาศอีกว่า จะหยุดใช้ขนสัตว์จริงในผลิตภัณฑ์ทุกชนิด และจะค่อยๆ ขายสินค้าที่ทำจากขนสัตว์ที่มีอยู่ให้หมดไป
ในเดือนก.ค.รายงานรายได้ของบริษัทระบุว่า Burberry ได้ทำลายสินค้าที่ค้างสต็อก ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ และน้ำหอมมูลค่า 28.6 ล้านปอนด์ (1,228 ล้านบาท) ในปี 2560 เพื่อปกป้องชื่อเสียงของแบรนด์ ซึ่งข่าวนี้ทำให้กลุ่มที่รณรงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ที่ผ่านมา แบรนด์แฟชั่นหรูหลายบริษัทรวมทั้ง Burberry มักจะทำลายสินค้าที่ค้างสต็อกทั้งหมดเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการขโมยสินค้า หรือ ขายในราคาถูก
โดย Burberry ระบุว่า บริษัทได้ใช้หลายวิธีเพื่อจัดการกับสินค้าเหลือค้างสต็อก ทั้งใช้ซ้ำ ซ่อมแซม บริจาค หรือนำกลับมาใช้ใหม่ แต่บริษัทยังต้องการเพิ่มความพยายามให้มากขึ้น
กลุ่มกรีนพีซ ที่รณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อมกล่าวกับสื่อ BBC ว่า “ การตัดสินใจของแบรนด์ Burberry ที่จะหยุดเผาสินค้าค้างสต็อก ถือเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงความคิดของอุตสาหกรรมแฟชั่นที่เราต้องการ ”
“ เพราะแฟชั่นเป็นธุรกิจที่ผลิตเสื้อผ้าจำนวนมากกว่า 1 แสนล้านชิ้นในแต่ละปี ตู้เสื้อผ้าของผู้บริโภคเต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่ไม่ได้สวมใส่ เกิดเป็นปัญหาสินค้าค้างสต็อกสำหรับบริษัทจำนวนมาก ”
“ เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่นทั้งระบบที่จะเริ่มต้นจัดการกับสินค้าค้างสต็อกของตัวเอง ด้วยการชะลอการผลิตสินค้าลง และคิดทบทวนวิธีการในการทำธุรกิจใหม่”
ทั้งนี้ Burberry เริ่มเป็นหุ้นส่วนกับ Elvis & Kresse ในปีที่ผ่านมา เพื่อดัดแปลงชิ้นส่วนหนังสัตว์ที่เหลือหลังจากตัดไปแล้วถึง 120 ตันให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ในอีก 5 ปีข้างหน้า ในขณะเดียวกัน ทางบริษัทยังได้ก่อตั้งกลุ่มวิจัยวัสดุในอนาคตของ Burberry ร่วมกับ Royal College of Art เพื่อคิดค้นประดิษฐ์วัสดุที่ยั่งยืนอีกด้วย
“ ความหรูหราสมัยใหม่หมายถึงการมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ” มาร์โค ก็อบเบตติ ซีอีโอของ Burberry ระบุ
“ ความเชื่อเป็นหลักการของเราที่ Burberry และเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในระยะยาวของเรา เราให้คำมั่นว่าจะใช้ความพยายามแบบเดียวกันกับทุกส่วนของ Burberry อย่างที่เราทำกับผลิตภัณฑ์ของเรา ”
ปัจจุบัน แบรนด์ Burberry ยังมีการใช้ขนสัตว์จริง ทั้งขนกระต่าย สุนัขจิ้งจอก มิ้งก์ และแรคคูนในเอเชียกับผลิตภัณฑ์ในคอลเลคชั่น แต่จะหยุดใช้ขนสัตว์ทั้งหมดในอนาคต
องค์กรที่ต่อต้านการทารุณกรรมสัตว์มาเป็นเวลานานอย่างมูลนิธิ The People for the Ethical Treatment of Animals (Peta) กล่าวกับสื่อ BBC ว่า ทางหน่วยงานขอต้อนรับการตัดสินใจของ Burberry ด้วยความยินดี
“ แบรนด์แฟชั่นไม่กี่แห่งที่ปฏิเสธจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูสมัยใหม่ขึ้น และรับฟังความเห็นของสาธารณชนที่ต่อต้านการใช้ขนสัตว์ในตอนนี้จะไม่เข้าพวกและกลายเป็นเหมือนแกะดำ ” Peta ระบุ
“ หากพวกเขาต้องการมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดใช้ขนสัตว์ที่ขโมยมาจากสัตว์เพื่อมาทำเป็นเสื้อโค้ท ปกคอเสื้อ หรือข้อมือเสื้อ ”