สงครามการค้าอาจกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ
สงครามการค้าที่ยกระดับขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับจีนอาจนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก อ้างอิงจากความเห็นของ George Yeo อดีตรมว.ต่างประเทศและการค้าของสิงคโปร์
โดย Yeo ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานของ Kerry Logistics Network ที่มีสำนักงานใหญ๋ในฮ่องกงระบุว่า บริษัทของเขาได้ประโยชน์ในระยะสั้นจากความขัดแย้งด้านภาษีระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ
ธุรกิจกำลังเร่งการจัดส่งและเบี่ยงเบนการค้าและการลงทุนเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษี เพื่อทำให้รายได้ของบริษัทยังเป็นที่น่าพอใจ
“ แต่นี่เป็นเรื่องชั่วคราว ” เขากล่าวกับสื่อ CNBC เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา
“ มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเราในระยะใกล้ หากนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ ” เขากล่าว
“ ผมหมายความว่า เราเพิ่งเห็นว่าทรัมป์เพิ่งขู่ว่าจะถอนตัวออกจาก WTO หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้สหรัฐฯพอใจ ” เขาเสริม
“ นี่เป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความความวิตกกังวลมากขึ้น ”
ในการให้สัมภาษณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 30 ส.ค.โดยสื่อบลูมเบิร์ก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะถอนสหรัฐฯ ออกจากการเป็นประเทศสมาชิกขององค์การการค้าโลก หรือ WTO ซึ่งเป็นคำพูดล่าสุดของเขาที่ส่งผลต่อระบบการค้าทั่วโลก
“ หากพวกเขาไม่ปรับเปลี่ยน ผมจะถอนตัวจาก WTO ” ทรัมป์ระบุในการให้สัมภาษณ์ โดยวิจารณ์ WTO ที่ตั้งอยู่ในเมืองเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์
สื่อบลูมเบิร์กยังรายงานว่า ทรัมป์กล่าวกับคณะทำงานของเขาว่า เขาสนับสนุนให้มีมาตรการภาษีรอบใหม่เพิ่มเติมมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับสินค้านำเข้าจากจีน แต่ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในประเด็นนี้
Yeo เสริมว่า ขณะที่เขายังไม่เห็นชัดว่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดวิกฤตทั่วโลก เขาย้ำว่าผู้คนในโลกธุรกิจกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจทั่วโลก โดยชี้ให้เห็นถึง การปรับดอกเบี้ยแบบพุ่งทะยานขึ้นเป็น 60% ในอาร์เจนตินา เป็นตัวอย่างของความกังวลที่เห็นชัด
“ เรื่องเหล่านี้ทำให้เกิดความกังวลเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ” เขากล่าว
เขายังระบุว่าความผันผวนที่เกิดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนกำลังบีบบังคับให้หลายธุรกิจต้องเลือก เช่น จะตั้งโรงงานที่ไหน
“ คุณจะตั้งโรงงานที่จีน หรือตั้งที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ” เขากล่าว โดยเสริมว่ากำลังมีการพิจารณาว่าควรจะเป็นจีน หรือประเทศอื่นๆ
Yeo กล่าวว่าเขาเชื่อว่าจีนมีความตั้งใจที่จะหาช่องทางเพื่อเอื้อให้สหรัฐฯแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า แต่การดีลนั้นใช้เวลาในการพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาโดยประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน
“ ทรัมป์พูดซ้ำๆว่า ผมเป็นคนเดียวที่ทำได้ และผมคิดว่าเขาแสดงให้เห็นด้วยการกระทำว่ามันถูกต้องจริงๆ ” Yeo กล่าว
“ ดังนั้น ในที่สุดแล้ว จีนจำเป็นต้องคุยกับทรัมป์โดยตรง ” เขาเสริม.