ครม.เห็นชอบหลักการเสพยา ไม่เป็นความผิดร้ายแรง ให้บำบัด
ครม.อนุมัติหลักการกำหนดปริมาณยาเสพติดในแต่ละชนิด ถ้าไม่เกินปริมาณดังกล่าวให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ครอบครองเพื่อเสพ ไม่ถือเป็นโทษความผิดร้ายแรง เข้ารับการบำบัดรักษาได้
เมื่อวันที่ 9 ส.ค.65 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ประเภท 2 หรือประเภท 5 หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า มีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. …. ซึ่งมีสาระสำคัญ เป็นการกำหนดปริมาณยาเสพติดเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาให้โอกาสแก่ผู้เสพยาเสพติดที่ครอบครองยาเสพติดหรือวัตถุออกฤทธิ์ไว้เพื่อการเสพ โดยไม่ถือเป็นโทษความผิดร้ายแรงและพิจารณาให้รับการบำบัดรักษาแทนการรับโทษจำคุก
น.ส.ไตรศุลี ระบุ สำหรับรายละเอียดการกำหนดปริมาณยาเสพติด ที่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อการเสพ ได้แก่ ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 เช่น เฮโรอีน น้ำหนักสุทธิไม่เกิน 300 มิลลิกรัม เมทแอมเฟตามีน ปริมาณไม่ถึง 15 หน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่ถึง 1.5 กรัม หรือคำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ไม่ถึง 375 มิลลิกรัม แอมเฟตามีนหรือ ยาบ้า ปริมาณไม่ถึง 15 หน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิ ไม่ถึง 1.5 กรัม
ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 เช่น โคคาอีน น้ำหนักสุทธิไม่เกิน 600 มิลลิกรัม ฝิ่นยา น้ำหนักสุทธิไม่เกิน 15 กรัม และยาเสพติดให้โทษประเภท 5 น้ำหนักสุทธิไม่เกิน 135 กรัม
ส่วนวัตถุออกฤทธิ์ ประเภท 1 เช่น คาทิโนน คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกิน 0.5 กรัม ไซโลซีน ไม่เกิน 0.1 กรัม ไซโลไซบีน ไม่เกิน 0.1 กรัม และประเภท 2 เช่น คีตามีน คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกิน 0.5 กรัม ซูโดอีเฟดรีน ไม่เกิน 5 กรัม และไนตราซีแพม ไม่เกิน 0.3 กรัม