โพลล์ชี้ศก.สหรัฐฯจะชะลอตัวตั้งแต่นี้
เศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอตัวอย่างมีเสถียรภาพในไตรมาสที่จะถึง หลังจากเติบโตสูงสุดในรอบ 4 ปีในไตรมาสเดือน เม.ย.- มิ.ย. อ้างอิงจากโพลล์นักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์ ซึ่งคาดการณ์ว่าสงครามการค้าของผู้นำสหรัฐฯ จะก่อให้เกิดความเสียหาย
ได้แรงหนุนสำคัญจากการลดภาษีมูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรรัฐฯ ในปีที่ผ่านมา ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวในอัตรา 4.1% ต่อปีในไตรมาสเดือนเม.ย.- มิ.ย. ถือเป็นตัวเลขเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี
แต่จากโพลล์ล่าสุดของนักเศรษฐศาสตร์กว่า 100 คน ที่จัดทำขึ้นในวันที่ 13 – 21 ส.ค.แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเสียโมเมนตัมในการเติบโตไตรมาสที่จะถึงลงเกือบครึ่งภายในสิ้นปีหน้า
ในไตรมาสปัจจุบัน คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 3% และ 2.7% สำหรับไตรมาสหน้า เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากโพลล์ก่อนหน้านี้
แต่การหนุนการเติบโตระยะสั้นจากการปรับลดภาษีนิติบุคคลคาดการณ์ว่าจะ่อนแรงลง นักเศรษฐศาสตร์ลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตสำหรับไตรมาสส่วนใหญ่ในปีหน้า ทำให้แนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงและผันผวนจากความขัดแย้งทางการค้ากับจีน
“ มาตรการทางการค้าที่สหรัฐฯใช้จนถึงตอนนี้และการตอบโต้โดยรัฐบาลต่างประเทศจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างมีขอบเขต ” Philip Marey นักกลยุทธ์อาวุโสประจำ Robobank กล่าว
“ อย่างไรก็ตาม อาจจะเปลี่ยนแปลงในกรณีที่เกิดสงครามการค้าเป็นวงกว้างกับหลายประเทศที่มีมาตรการกีดกันทางการค้าซึ่งตั้งเป้าที่สหรัฐฯ หลังจากทุกภาคส่วนพยายามจะเปลี่ยนสถานการณ์ ”
เกือบ 2 ใน 3 ของ 56 นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งตอบคำถามเพิ่มเติมระบุว่า พวกเขาพิจารณาผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเสียหายจากสงครามการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ขยายเป็นวงกว้างในการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ นี่เป็นสัดส่วนเกือบจะเท่ากันกับโพลล์ของนักเศรษฐศาสตร์ทั่วยูโรโซนที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 ส.ค.
ขณะที่อีก 20 คนที่เหลือระบุว่า สงครามการค้าไม่มีอิทธิพลกับการคาดการณ์ ย้ำให้เห็นถึงความเสี่ยงด้านลบกับแนวโน้มหากความตึงเครียดทางการค้าหยั่งรากลึก
ขณะที่ทรัมป์กล่าวว่าภาษีการค้าจะเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่มีนักเศรษฐศาสตร์คนใดในโพลลฺ์ของรอยเตอร์ที่เห็นด้วยกับความคิดนี้
โดยมาตรการภาษีจากสหรัฐฯและภาษีตอบโต้จากจีนจนถึงตอนนี้จำกัดขอบเขตอุตสาหกรรมเครื่องจักรของจีน ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าชั้นกลาง และส่งผลกระทบจำกัดกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม แผนการปรับขึ้นภาษีรอบต่อไปสำหรับเดือนก.ย.ตั้งเป้ากับสินค้าบริโภค และมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบด้านลบกับเศรษฐกิจโดยรวม เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคมีสัดส่วนคิดเป็น 2 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี
ขณะที่ความเห็นส่วนใหญ่ชี้ว่า การชะลอตัวของสหรัฐฯที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกจะเริ่มในปีหน้า มีนักเศรษฐศาสตร์เพียงหนึ่งในกว่าร้อยคนจากในโพลล์ที่ทำนายว่า เศรษฐกิจจะเริ่มถดถอยในปี 2563
นอกจากนี้ โพลล์ชี้ว่า มีโอกาส 1 ใน 3 ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะถดถอยในอีกสองปีหน้า ลดลงจาก 35% จากการประเมินในโพลล์ครั้งก่อน
ถึงแม้จะมีความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางการค้า ธนาคารกลางสหรัฐฯยังคงคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนก.ย.นี้ และอีกครั้งในเดือนธ.ค. ทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดอยุ่ที่ 2.25 – 2.50% ภายในสิ้นปีนี้.