อุตฯ ขยายวงเงินกองทุนประชารัฐ 3 พันล้านบาทอุ้ม BCG
กระทรวงอุตสาหกรรม ขยายกรอบวงเงินสินเชื่อกองทุนประชารัฐ ปีงบประมาณ 2565 เพิ่ม 3,000 ล้านบาท ให้กับผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจ BCG และอีก 10 กลุ่มธุรกิจศักยภาพ เร่งเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง คาดปล่อยสินเชื่อกว่า 1,000 ราย เกิดการจ้างงานกว่า 10,000 อัตรา
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2560 เห็นชอบจัดตั้งกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ วงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการลงทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้เอสเอ็มอี ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจไทย รวมถึงพัฒนาและเพิ่มผลิตภาพให้ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ตามนโยบายรัฐบาล อาทิ BCG Model ยานยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์และบริการทางการแพทย์ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2565 กองทุนฯ ได้ให้บริการสินเชื่อเพื่อเพิ่มศักยภาพ เสริมสภาพคล่อง และช่วยฟื้นฟูธุรกิจไปแล้ว รวมวงเงินกว่า 3,000 ล้านบาท และจากสถานการณ์ปัจจุบันที่รัฐบาลได้มีการผ่อนคลายมาตรการ และเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
ทำให้มีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ต้องการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนในธุรกิจ กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ จึงได้ขยายกรอบวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมอีก 3,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้นานสูงสุด 7 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน เพื่อให้บริการผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจ BCG และอีก 10 กลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพ อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูป กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง และกลุ่มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ซึ่งคาดว่าเงินสินเชื่อนี้จะสามารถช่วยต่อทุนที่ใช้ในการทำธุรกิจ (Runway) ให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถอยู่รอดได้ในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน คาดว่าจะปล่อยสินเชื่อได้กว่า 1,000 ราย เกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 10,000 อัตรา
นายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้อำนวยการกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการสินเชื่อสร้างโอกาสและเสริมสภาพคล่องเอสเอ็มอี จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงเงินทุน โดยคาดว่าจะเปิดรับคำขอสินเชื่อผ่านช่องทางออนไลน์ประมาณช่วงเดือนส.ค. 2565 ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารได้ที่ www.thaismefund.com
สำหรับทิศทางการทำงานของกองทุนฯ จะมุ่งเน้นการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เร่งผลักดันให้เกิดและเพิ่มจำนวนธุรกิจในกลุ่ม BCG ภายในประเทศให้มีจำนวนมากขึ้น ควบคู่กับการส่งเสริมเอสเอ็มอีให้ปรับตัวได้ในยุค Next Normal รวมถึงการบูรณาการกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศในการจัดหาช่องทางการตลาดสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างมั่นคง