ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 8-9 ก.ค.2565
“โลกต้องตะลึง!! ข่าวการเสียชีวิตของ “ชินโซ อาเบะ” อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นหลังจากถูกคนร้ายลอบยิงขณะการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งวุฒิสภาในจังหวัดนารา เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (8 ก.ค.) ที่ผ่าน”
เรื่องที่ 1,238 อดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ถูกคนร้ายใช้ปืนยิงจากด้านหลังจำนวน 2 นัดในระหว่างกล่าวคำปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งบนถนนในจังหวัดนาราเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้นายอาเบะล้มลงหมดสติและมีเลือดออกจำนวนมาก
ขณะที่ มือปืนผู้ก่อเหตุคือ “เท็ตสึยะ ยามากามิ” วัย 41 ปี ถูกจับกุมตัวทันทีในที่เกิดเหตุ
เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2563 “อาเบะ” ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น โดยให้เหตุผลว่าสุขภาพร่างกายของเขาแย่ลง พร้อมกับกล่าวว่า ปัญหาสุขภาพ ทำให้เขารู้สึกขาดความเชื่อมั่นที่จะรับใช้ประชาชนชาวญี่ปุ่นต่อไป
“ชินโซ อาเบะ” นายกรัฐมนตรีคนที่ 57 ของญี่ปุ่น
เกิดเมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2497 สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ในสหรัฐอเมริกา เป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของญี่ปุ่น โดยเข้ารับตำแหน่งในช่วงปี 2549-2550 และได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยในช่วงปี 2555-2563 ก่อนที่จะประกาศลาออกในวันที่ 28 ส.ค.2563 เนื่องจากปัญหาสุขภาพ โดยนายอาเบะกล่าวว่าปัญหาสุขภาพทำให้เขารู้สึกขาดความเชื่อมั่นที่จะรับใช้ประชาชนชาวญี่ปุ่นต่อไป
“อาเบะ” เกิดในครอบครัวนักการเมืองอย่างแท้จริง โดยเขาเป็นบุตรชายของ “ชินทาโร อาเบะ” อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นหลานชายของ “โนบุสึเกะ อาเบะ” อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในช่วงปี 2482-2483
ก่อนที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น “อาเบะ” ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกเมื่อปี 2536 และได้เป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในปี 2548 ในรัฐบาลของ “จุนอิชิโร โคอิซูมิ” และเพียงหนึ่งปีถัดมา คือในปี 2549 “อาเบะ” ได้ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นด้วยวัยเพียง 52 ปี
เรื่องที่ 1,239 เพื่อไทยผุดไอเดียใหม่ สู้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หาร 500 ซึ่งเป็นแนวทางในการสกัดกั้น มิให้พรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์
ไอเดียใหม่ที่ว่านี้ ก็คือ “การแตกเป็นพรรคย่อย” โดยรณรงค์ให้ประชาชนสนับสนุนพรรคย่อยดังกล่าว ด้วยการเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อในพรรคนี้ ส่วน ส.ส.เขตก็ให้เลือกพรรคเพื่อไทย
พรรคย่อยที่ว่านี้ อาจใช้ชื่อว่า “พรรคครอบครัวเพื่อไทย” โดยขนบุคลากรของพรรคเพื่อไทย ไปอยู่พรรคครอบครัวเพื่อไทยทั้งหมด เพื่อให้ได้จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อมากที่สุด เพราะสูตรหาร 500 นั้น อาจทำให้พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเลย แม้แต่คนเดียว ทางรอดจึงต้องแตกพรรคย่อย
จับสัญญาณ “ทักษิณ ชินวัตร” ดูเหมือนจะไม่ค่อยหนักใจนัก กับสูตรหาร 500 อดีตนายกทักษิณบอกว่า ไม่ว่าสูตรไหนก็ตาม พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย หากจับมือกัน ก็ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงเกิน 300 เสียงอย่างแน่นอน
ยิ่งบวกกับไอเดียใหม่พรรคครอบครัวเพื่อไทยนี้ด้วยแล้ว เห็นทีเกมนี้ เพื่อไทยจะแก้ปุ่มได้เร็วกว่าที่คิด
เรื่องที่ 1,240 มีข่าวดีอย่างต่อเนื่องสำหรับพี่น้องชาวไทย เมื่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศจะมีการปปรับลดอีกครั้ง 0.90-1.50 บาทต่อลิตร ตั้งแต่เวลา 0.50 น. ของวันพรุ่งนี้ (9 ก.ค.) โดยบมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ (OR) และ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด 1.50 บาทต่อลิตร ส่วน E85 ปรับลด 90 สตางค์ต่อลิตร ขณะที่น้ำมันดีเซลทุกชนิดราคาคงเดิม
โดย บก.ชวนคุยสอบถามแหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานได้ความว่า “เหตุผลในการปรับลดในครั้งนี้มาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นกรณีเดียวกันกับครั้งก่อนที่ลดราคาลงมารวดเดียว 3 บาทต่อลิตร”
ถ้าเป็นเช่นนี้แปลว่า เรายังไม่ได้ใช้กลไกลทางด้านการตลาดมาช่วยในการปรับลดน้ำมันเลยหรือ เพราะเท่าที่ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซด์ของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานหรือ สนพ. พบว่า แก๊สโซฮอล์ 95 E10 อยู่ที่ 4.7284 บาท ,แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 4.9253 บาท ,แก๊สโซฮอล์ 95 E20 อยู่ที่ 5.7140 บาท และแก๊สโซฮอล์ 95 E85 อยู่ที่ 5.0185 บาท ยังสูงกว่ากรอบราคามาตรการฐานที่ท่านโฆษกกระทรวงพลังงาน “สมภพ พัฒนอริยางกูล” เคยตอบโต้หัวหน้าพรรคกล้าอย่าง “กรณ์ จาติกวณิช” ไว้ก่อนหน้านี้ว่า กรอบที่ภาครัฐติดตามดูแลอยู่ที่ 2.00 +/- 0.40 บาทต่อลิตร เพราะฉะนั้นหากมองมุมนี้ก็เป็นไปได้ว่า ราคาเบนซินยังมีโอกาสลดลงได้อีกหรือไม่ ยังลุ้นกันต่อได้อีกเฮือกครับท่านผู้อ่าน
โดยนพวัชร์