ทรัมป์ขู่ WTO หลังอียูเตือนภาษีรถ
เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ เตือนองค์การการค้าโลก หรือ WTO ว่าจะมีมาตรการบางอย่าง หาก WTO ปฏิบัติกับสหรัฐฯ อย่างไม่เหมาะสม ไม่กี่ชั่วโมงหลังสหภาพยุโรประบุว่า กำแพงภาษีรถยนต์ของสหรัฐฯ จะทำลายอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯเอง และอียูพร้อมจะตั้งกำแพงภาษีเช่นเดียวกัน
โดยผู้นำสหรัฐฯกล่าวกับผู้สื่อข่าวในระหว่างการประชุมกับ Mark Rutt นายกรัฐมนตรีของเนเธอร์แลนด์ที่ทำเนียบขาวว่า “ WTO ปฏิบัติกับสหรัฐฯแย่มากๆ และผมหวังว่า พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงวิธีการ ”
ความเห็นของเขามีขึ้นหลังจากเว็บไซต์ข่าว Axios รายงานว่า รัฐบาลของทรัมป์ได้ร่างกฎหมายที่อนุญาตให้ทรัมป์สามารถขึ้นภาษีได้ตามใจ และจะมีการเจรจาด้านภาษีกับแต่ละประเทศเป็นกรณีไป ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎพื้นฐาน 2 ข้อของ WTO
“ สหรัฐฯมีข้อเสียเปรียบ WTO มาก และเรายังไม่ได้วางแผนอะไรตอนนี้ แต่หากปฏิบัติต่อเราไม่ถูกต้อง เราก็จะทำอะไรบางอย่าง ” ทรัมป์กล่าว โดยไม่ได้ชี้แจงรายละเอียด
สัปดาห์ก่อน แหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับวิธีคิดของทรัมป์กล่าวกับสื่อรอยเตอร์ว่า ประธานาธิบดีมีความคิดเห็นส่วนตัวว่า อยากจะถอนสหรัฐฯออกจากการเป็นสมาชิกของ WTO แต่ก็ยังไม่ได้เป็นการเสนออย่างจริงจัง
ต่อมาในช่วงสายของวันที่ 2 ก.ค. ซาราห์ แซนเดอร์ โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์มุ่งที่จะแก้ปัญหาการค้าสหรัฐฯ กับทั่วโลก ไม่ใช่กับ WTO ซึ่งเป็นองค์กรทางการค้าที่กำกับดูแลระบบการค้าทั่วโลกหลังสงคราม
“ ตอนนี้ ท่านประธานาธิบดีอยากให้มีการแก้ไขระบบ และนี่คือสิ่งที่ท่านมุ่งเน้น ชัดเจนว่าท่านมีความกังวล และมีอีกหลายมุมที่ท่านไม่เชื่อว่ายุติธรรม จีนและประเทศอื่นๆใช้ WTO เพื่อให้ประเทศตัวเองได้เปรียบ เรากำลังมุ่งแก้ที่ระบบ ”
“ ผมคิดว่าเราต้องประชุมกันแบบแฟร์ๆ กับอียูเร็วๆ นี้ อียูอยากเห็นว่าเรื่องกำแพงภาษีจะใช้ได้หรือไม่ มันคงจะดี และถ้าเราทำได้ มันจะส่งผลในเชิงบวก และถ้าไม่ได้ มันก็ยังดีอยู่ เพราะเราแค่คิดถึงรถยนต์ที่ถาโถมเข้ามาในสหรัฐฯ และเราจะทำอะไรบางอย่าง” ทรัมป์ระบุ
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. อียูเตือนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯว่า ภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ไม่เป็นธรรม และจะทำลายอุตสาหกรรมรถยนต์ของอเมริกาเอง และจะนำไปสู่มาตรการตอบโต้ทางการค้าจากประเทศคู่ค้ากับการส่งออกของสหรัฐฯที่มีมูบค่า 294,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
กระทรวงพาณิชย์เริ่มดำเนินการสืบสวน ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ภายใต้คำสั่งของทรัมป์ ซึ่งเขามักจะบ่นอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับภาษีรถยนต์ 10% ของอียูที่สูงกว่าสหรัฐฯถึง 4 เท่า
ในสัปดาห์ก่อน ทรัมป์ระบุว่ารัฐบาลจะทำการศึกษาเสร็จสมบูรณ์ในเร็วๆนี้ และแย้มว่าสหรัฐฯจะมีการดำเนินการอะไรบางอย่าง ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาเคยขู่ว่าจะขึ้นภาษี 20% กับรถยนต์นำเข้าที่ประกอบในยุโรป
โดยคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารที่กำกับดูแลการค้าในอียูระบุเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ว่า พยายามจะโน้มน้าวประเทศคู่ค้าอย่างสหรัฐฯให้เข้าใจว่า การตั้งกำแพงภาษีเช่นนี้เป็นความผิดพลาด
ทั้งนี้ อียูส่งออกรถยนต์ไปสหรัฐฯมูลค่า 37,400 ล้านยูโร หรือราว 1.46 ล้านล้านบาท ในปี 2560 ขณะที่ส่งออกไปตลาดอื่นมูลค่า 6,200 ล้านยูโร หรือราว 242,606 ล้านบาท
กลุ่มผู้แทนการค้าที่เป็นตัวแทนของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในดีทรอยต์ ทั้ง GM, Ford และ เฟียต ไครสเลอร์ ออกโรงเตือนกระทรวงพาณิชย์ว่า ภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ 25% จะทำให้เกิดภาระทางภาษีสูงถึง 90,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เมื่อรวมกับภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม
“ ภาษีที่สูงขึ้นจะเป็นการผลักภาระให้ผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกน้อยลง ลดดีมานด์ผู้ผู้บริโภค ลดการผลิตรถบรรทุกขนาดเล็กและยอดขาย ลดระดับการลงทุน และทำให้อัตรางานในอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯหายไป ” Matt Blunt ประธานสภานโยบายยานยนต์อเมริกันระบุในแถลงการณ์.