“ธ.ก.ส.-คปภ.” นำมอบเงินชดเชยประกันภัยลำไย
เกษตรกรสวนลำไย “เหยื่อภัยแล้ง” กว่า 500 ราย ได้เฮ! หลัง “ธ.ก.ส. -คปภ. –บริษัทประกันภัยเครือข่ายพันธมิตร” ทำพิธีมอบเงินชดเชยแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ตามโครงการประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้ง โดยใช้ดัชนีภัยแล้งที่ตรวจวัดด้วยดาวเทียม ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เผยยอดเงินเยียวยาพุ่งกว่า 9 แสนบาท
ความสำเร็จที่น่ายกย่องของโครงการประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้งโดยใช้ดัชนีภัยแล้ง (ตรวจวัดด้วยดาวเทียม) ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยวันนี้ (23 เม.ย.62) ได้มีพิธีมอบเงินชดเชยให้กับเกษตรกรในโครงการ ซึ่งนายมนัส ขันใส รอง ผจว.เชียงใหม่ นายนิพัฒน์ เกื้อสกุล รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ผู้แทน บมจ.ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) และบมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ร่วมพิธีฯ ณ ห้องประชุมเทศบาลต.ยางเนิ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่
นายนิพัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบันสภาพภูมิอากาศของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงจากภาวะโลกร้อนในทุกภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยได้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้ง อุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิต ทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตร การประกันภัยพืชผลจึงเป็นแนวทางหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนจากการเกิดภัยพิบัติเพราะเกษตรกรสามารถนำเงินค่าชดเชยที่ได้รับจากการประกันภัยพืชผลไปลงทุนในรอบการเพาะปลูกใหม่ได้ โดยในปีการผลิต 2562 ธ.ก.ส. ร่วมกับ บมจ.ซมโปะ ประกันภัยฯ และบมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ฯ จัดทำโครงการดังกล่าว เพื่อให้เกษตรกรได้รับความคุ้มครองกรณีเกิดปัญหาภัยแล้งและสร้างความเสียหายต่อการผลิต ช่วยสร้างทางเลือกในการบริหารจัดการความเสี่ยง และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยดำเนินการใน 24 อ. ของ จ.เชียงใหม่ โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 1,053 ราย
ทั้งนี้ โครงการประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้งฯ ได้สิ้นสุดระยะเวลาการขอเอาประกันภัยไปแล้วตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.62 โดยมีระยะเวลาในการวัดปริมาณน้ำฝนหรือระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.– 30 เม.ย.62 รวม 61 วัน ซึ่งการวัดค่าปริมาณน้ำฝนในแต่ละวันตลอดระยะเวลาประกันภัยจะอ้างอิงข้อมูลจากระบบดาวเทียม GSMaP ผ่าน Website ของ ธ.ก.ส. โดยกรณีเกิดภาวะฝนแล้งได้รับชดเชยในอัตราร้อยละ 9 ของวงเงินในส่วนที่ขอเอาประกันภัย
และกรณีภัยแล้งรุนแรงได้รับชดเชยร้อยละ 12 ของวงเงินในส่วนที่ขอเอาประกันภัย รวมอัตราค่าชดเชยไม่เกินร้อยละ 21 ของวงเงินในส่วนที่ขอเอาประกันภัย ซึ่งบริษัทผู้รับประกันภัยได้ประมวลผลเพื่อพิจารณาจ่ายเงินชดเชยให้ในช่วงแรกก่อน (1–31 มี.ค.62) โดยสามารถบรรเทาความเสียหายของเกษตรกรจากภัยแล้งได้ถึง 584 ราย จำนวนเงินชดเชย 914,700 บาท เพื่อให้เกษตรกรที่อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับเงินชดเชยสามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้ทันสำหรับฟื้นฟูการเพาะปลูกลำไย ช่วยผ่อนปรนภาระเกษตรกรจากปัญหาการก่อหนี้สินเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวยังไม่สิ้นสุดระยะเวลาการพิจารณาการจ่ายเงินชดเชย ซึ่งบริษัทผู้รับประกันภัยจะประมวลผลเพื่อพิจารณาจ่ายเงินชดเชยอีกครั้ง ณ วันที่ 30 เม.ย.62 โดยนำข้อมูลปริมาณฝนแล้งติดต่อกันตลอดระยะเวลาของการคุ้มครอง (1 มี.ค. – 30 เม.ย.62) มาพิจารณาการจ่ายเงินชดเชยเพิ่มเติมตามเกณฑ์ต่อไป.