ทรัมป์ร่วมยินดีการประชุมสองเกาหลี
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ กล่าวชื่นชมการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดีคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือ และประธานาธิบดีมุนแจอินแห่งเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 27 เม.ย. แม้จะมีท่าทีระมัดระวังอยู่บ้าง
ประธานาธิบดีคิมและประธานาธิบดีมุนให้คำมั่นที่จะทำข้อตกลงสันติภาพให้เกิดขึ้นในคาบสมุทรเกาหลีอย่างถาวร และประกาศยุติสงครามเกาหลีเมื่อ 60 กว่าปีก่อนอย่างเป็นทางการ
ผู้นำสหรัฐฯทวีตบนทวิตเตอร์อย่างต่อเนื่อง โดยเขาดูจะมองในแง่ดีเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการประชุม ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์มีแผนจะประชุมกับผู้นำเกาหลีเหนือ โดยคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในไม่กี่สัปดาห์หน้า และจะเป็นการประชุมครั้งแรกของสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือด้วย
“ หลังจากมีการยิงทดสอบขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์มานานหลายปี การประชุมครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้เกิดขึ้นแล้ว สิ่งดีๆกำลังจะเกิดขึ้น มีแต่เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ ” เขาระบุบนทวิตเตอร์ ในเช้าวันที่ 27 เม.ย.ในวอชิงตัน
เขาเสริมต่อว่า “ สงครามเกาหลีจบแล้ว สหรัฐฯและผู้คนทั้งหลายที่ยอดเยี่ยม ควรจะภูมิใจมากกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเกาหลี”
การประชุมครั้งแรกระหว่างสองเกาหลีเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ ไม่กี่เดือนหลังจากมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ เนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีคิมต่างมีการพูดจาโต้ตอบกันไปมาอย่างดุเดือดเกี่ยวกับการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
ในการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ทรัมป์พูดถึงความโกรธเกรี้ยวที่มีต่อกันก่อนหน้านี้ ทั้งฉายาที่เขาเรียกผู้นำเกาหลีเหนือว่า
“ มนุษย์จรวดน้อย” และการคุยเกทับกันเรื่องขนาดของปุ่มกดระเบิดนิวเคลียร์ของประเทศตัวเอง รวมถึงความกังวลเรื่องคำวิจารณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่กล่าวหาเขาว่าเป็นผู้โหมพัดให้ไฟลุกมากขึ้น
“ เป็นเรื่องที่แย่มากๆ ทั้งมนุษย์จรวดน้อยและเรื่องปุ่มกดนิวเคลียร์ คุณรู้ไหม ปุ่มกดของผมใหญ่กว่า ทุกคนพูดว่า ผู้ชายคนนี้จะทำให้เราต้องเข้าสู่สงครามนิวเคลียร์ ” เขากล่าวในรายการช่องฟ็อกซ์นิวส์
โดยทรัมป์เรียกร้องมานานให้จีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเกาหลีเหนือ ยกระดับการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ เพื่อควบคุมความทะเยอทะยานเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ของประธานาธิบดีคิม และบางครั้ง ผู้นำสหรัฐฯ ก็แสดงท่าทีผิดหวังกับจีนออกมาอย่างชัดเจน
ในอีกทวีตของเขาในวันเดียวกัน เขาให้เครดิตกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนสำหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้ เนื่องจากประธานาธิบดีคิมเดินทางไปขอคำปรึกษาที่จีนก่อนหน้านี้ โดยระบุว่า “ ถ้าไม่มีท่าน มันคงจะเป็นกระบวนการที่ยาวนาน และยากลำบากกว่านี้ ! ”
ทั้งนี้ ทรัมป์กล่าวว่า เขาหวังว่าจะได้พบกับผู้นำเกาหลีเหนือในเดือนพ.ค. หรือมิ.ย. และเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า ทั้งสองอาจจะพบกันก่อนหน้านั้น
อย่างไรก็ตาม Kellyanne Conway ที่ปรึกษาทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ว่า ทรัมป์อาจผละออกมาจากการเจรจากับเกาหลีเหนือก็เป็นได้
“ ท่านประธานาธิบดีเคยกล่าวว่า มีความตั้งใจที่จะมีการพูดคุยบนโต๊ะเจรจา แต่ท่านมักมียุทธศาสตร์หาทางออก หากมันใช้ไม่ได้กับประชาชนชาวอเมริกัน ไม่เหมาะกับวัตุประสงค์ทางการทูต ท่านก็จะเดินออกมา ” เธอกล่าวให้สัมภาษณ์กับช่องฟ็อกซ์นิวส์