ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 30-31 พ.ค.2565
“จับตาที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 วาระแรกในวันที่ 31 พ.ค. และวันที่ 1-2 มิ.ย.นี้ โดยกำหนดการพิจารณาไว้ 3 วัน ถือว่าเหมาะสมกับการอภิปราย”
เรื่องที่ 1,139 พรรคเพื่อไทย เตรียม 40 ขุนพลไว้อภิปราย ประเด็น เช่น งบกระทรวงกลาโหม การซื้ออาวุธ เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องโควิด-19 เรื่องความเหลื่อมล้ำ เป็นต้น
ส่วนพรรคก้าวไกล เห็นว่า งบกระทรวงกลาโหมลดลงเล็กน้อย แต่งบบุคลากรของกระทรวงกลาโหมกลับเพิ่มขึ้น ปี 66 อยู่ที่ 107,436 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 65 ประมาณ 2,401 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นมากที่สุดในกองทัพบก 1,345 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่ากองทัพยังไม่จริงจังมากพอในการลดกำลังพลของกองทัพ ซึ่งงบบุคลากรของกระทรวงกลาโหมคิดเป็น 14% ของงบบุคลากรทั้งหมดของประเทศ
การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณครั้งนี้ ยังถูกจับตามองว่า อาจถึงคราวอวสานของรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากขณะนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย กำลังรวบรวมสมัครพรรคพวก ทำการใหญ่ โค่นล้ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยไม่ต้องรอให้ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
แต่จะทำได้หรือไม่ ก็ต้องรอดูเกมในสภากันต่อไป
เรื่องที่ 1,140 ใช้คำว่า “ชื่นชม” ถูกต้องหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ คุณผู้อ่านลองให้คำนิยามกันเอาเองแล้วกันนะครับผม สำหรับข่าวประชาชาสัมพันธ์ของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหนที่ผลิตผลงานสร้างข่าวออกมา จะต้องมาพร้อมกับการสร้างภาพให้กับท่าน รมว.อุตสาหกรรมอย่าง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่แม้จะไม่ได้ไปร่วมงานแถลงข่าว หรือเป็นคนให้ข่าวแต่จะต้องมีชื่อของท่านนำหน้าเป็นผู้ให้ข่าวคนแรกเสมอ
ทั้งนี้ ล่าสุดกับงานแถลงข่าวดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนเมษายน 2565 ของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ซึ่งแม้จะไม่เห็นแม้แต่เงาของท่าน รมว. อุตสาหกรรม แต่ชื่อท่านก็ยังนำหน้าเป็นผู้ให้ข่าว หรือนี่เป็นนโยบายของทางกระทรวง ก็ต้องเรียกว่าทุกหน่วยงานปฏิบัติตามได้อย่างเคร่งครัดมากครับผม
เรื่องที่ 1,141 แล้วก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติปรับขึ้นราคาจำหน่ายน้ำมันดีเซลในประเทศเป็น 33 บาทต่อลิตร จากเดิมที่พยายามตรึงราคาไว้ที่ 32 บาทต่อลิตรมา 2 สัปดาห์ โดย “วิศักดิ์ วัฒนศัพท์” ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ระบุว่า ที่ต้องปรับขึ้นเพราะมองว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทั้งที่ตลาดดูไบ น้ำมันดีเซล (Gas Oil) สำเร็จรูปมีการปรับตัวขึ้นจาก 138 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เป็น 149 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนฐานะของกองทุนน้ำมันฯเวลานี้ติดลบไปแล้ว 81,000 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันติดลบ 45,000 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 35,000 ล้านบาท บก.ชวนคุยก็เห็นใจฝ่ายนโยบายที่พยายามทำเต็มที่ให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด แต่ก็เห็นใจตัวเองมากกว่าซึ่งไม่รู้ว่าราคาข้าวของอุปโภคบริโภคอะไรจะปรับขึ้นตามอีกบ้าง ทุกวันนี้กินข้าวหนึ่งมื้อก็ครึ่งร้อยแล้วครับผม
เรื่องที่ 1,142 เห็นยอดจองรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ที่เข้ามาเยอะๆ เดาว่า นับพันคัน เริ่มตั้งแต่งานมอเตอร์โชว์ล้นทะลักแล้วล้นอีก ล่าสุดมาพิจารณาตัวเลขที่แท้จริงกันหน่อย จากกรมสรรพสามิตระบุว่า ยอดรถยนต์ EV แม้ตัวเลขหลักพันคันที่ว่านั้น มีรถยนต์ส่งมอบแล้ว และทำเรื่องของรับเงินช่วยเหลือตามโครงการรถ EV เพียงหลักร้อยคันนิดเท่านั้น เวรกรรมจริงๆ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้น ขออนุญาตนั่งยัน นอนยันว่า ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาล หรือความผิดของกรมสรรพสามิต แต่เนื่องจากการผลิตชิปหรือเซมิคอนดักเตอร์ ขาดตลาด มีรถแต่ไม่มีชิฟ มันก็วิ่งบ่ได้ครับเจ้านาย!!
เรื่องที่ 1,143 คนจริงต้องยกนิ้วให้ “บัด-ลวรณ แสงสนิท” อธิบดีกรมสรรพากรคนใหม่ล่าสุด ช่วงนี้ มีภาระกิจหลักเพียง 2 ประการที่ต้องทำให้สำเร็จ แต่ใหญ่หลวงยิ่งนักคือ 1.รับตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากรคนใหม่ เริ่มวันที่ 1 มิ.ย.นี้ และ2 วันที่ 2 มิ.ย.ติดต่อกันเลย สำนักงานสลากฯ ในฐานะประธานบอร์ดสลากฯ คือหมวกใบที่ 2 ต้องนั่งลุ้นเปิดจำหน่ายสลากดิจิทัล งวดแรก เริ่มวันนั้น ทำให้ทั้ง 2 เรื่องกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะกรมสรรพากร ต้องบริหารและจัดเก็บภาษีให้ได้เกือบ 2 ล้านล้านบาท ส่วนเรื่องสำนักงานสลาก ถือเป็นรัฐวิสาหกิจดาวเด่น นำส่งรายได้สูงสุดหลายปีติดต่อกัน แถมยังมีผู้ค้าสลากเข้ามาเกี่ยวข้องอีกกว่า 200,000 คน ถ้านับรวมพ่อแม่ลูกเข้าด้วยกันแล้ว แค่ขยับตัวก็มีผลกระทบไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคนแล้ว งานนี้ ต้องการกำลังใจสุดๆ บอกเลย!! ใครรัก “บัด” อย่าเพิ่งด่า อย่าเพิ่งชม แต่ขอให้พิจารณาจากผลงานก่อน
โดยพนวัชร์