ตลาดหุ้นขานรับเฟซบุ๊กหลังรู้รายได้
หนึ่งเดือนแห่งความมืดมนที่ปกคลุมเฟซบุ๊ก แต่เมื่อบริษัทรายงานผลกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดการณ์ นักวิจารณ์ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทก็ขานรับข่าวดีนี้ด้วยความชื่นชมในทันที
ไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังจากเฟซบุ๊กเผยรายได้เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ประมาณ 1 ใน 4 ของนักวิจารณ์ 45 คนที่เชี่ยวชาญในตลาดหุ้นต่างกล่าวชื่นชมเฟซบุ๊กในวันที่ 26 เม.ย. รวมถึงโบรกเกอร์อย่างน้อย 5 ราย ซึ่งก่อนหน้านี้หยุดแสดงความเห็นหลังมีข่าวฉาวว่า มีข้อมูลผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรั่วไหลไปที่ บริษัท Cambridge Analytica ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาการเมืองมากถึง 87 ล้านรายในเดือนที่แล้ว
ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของเฟซบุ๊กพุ่งทะยานขึ้นถึง 9.1% เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ไปอยู่ที่ 174.16 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบเดือน ยังเหลืออีกเกือบ 6% ที่หุ้นของบริษัทจะไต่ระดับขึ้นมาชดเชยตัวเลขที่เคยดิ่งฮวบลงไปในช่วงเวลาที่ผ่านมาที่บริษัทเผชิญมรสุมข่าวฉาว
ด้วยปฏิกิริยาตอบสนองที่ร้อนแรง ราคาเฉลี่ยตามเป้าของเฟซบุ๊กอาจจะพุ่งขึ้นอีก 2.21 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไปอยู่ที่ 218.27 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้น อ้างอิงจากข้อมูลของธอมสันรอยเตอร์ ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์ และเพิ่มขึ้นมาประมาณ 20% จากราคาล่าสุด
โดยเรตติ้งเฉลี่ยของหุ้นเฟซบุ๊กอยู่ที่ “:ซื้อ” โดยข้อมูลจาก 41 นักวิเคราะห์ในตลาดหุ้นคือ “ควรซื้อ” หรือ “ซื้อ” มี 2 คนให้ “รอ” และอีก 2 คนให้ “ขาย” หรือ “ควรขาย”
อย่างไรก็ตาม ในหน้า 46 ของรายงานประจำไตรมาสของเฟซบุ๊ก ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงในการลงทุน โดยบริษัทเตือนนักลงทุนว่า อาจมีกรณีที่ข้อมูลของผู้ใช้งานเฟซบุ๊กจำนวนมากรั่วไหลไปที่บริษัทอื่นเหมือนกับ Cambridge Analytica ก็เป็นได้
“ เราคาดคะเนว่า เราอาจจะค้นพบและประกาศเหตการณ์ที่มีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลผู้ใช้งานจากบุคคลที่ 3 เราอาจประสบเหตุการณ์เช่นนั้นอีกผ่านสื่อหรือบุคคลที่ 3 ก็เป็นได้” เฟซบุ๊กระบุในเอกสารที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 26 เม.ย.
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กระบุว่า เฟซบุ๊กได้ตรวจสอบแอปพลิเคชั่นนับพันเพื่อค้นหากิจกรรมต้องสงสัย และจะห้ามไม่ให้นักพัฒนาแอปพลิเคชั่นรายใดเกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวมและหาประโยชน์จากข้อมูลอย่างไม่ถูกต้อง
ในรายงานประจำไตรมาส เฟซบุ๊กระบุว่า “ การรายงานเหตุการณ์ไม่ดีเพิ่มเติมอาจส่งผลเชิงลบที่กระทบต่อความเชื่อถือและความผูกพันของผู้ใช้งาน ทำลายชื่อเสียงและแบรนด์ของเรา ส่งผลต่อธุรกิจและสถานะการเงินของเรา”.