MPI ไตรมาสแรก แนวโน้มดีขยายตัว 1.41%
กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เผย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมีนาคม 2565 ปรับตัวลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ MPI ไตรมาสแรกปี 2565 ขยายตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.41 ด้านสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) คาดเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น การส่งออกรวมเดือนมีนาคมขยายตัวร้อยละ 19.54 สูงสุดในรอบ 30 ปี สอดรับตลาดภายในประเทศฟื้นตัวหลังการเปิดประเทศ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมีนาคม 2565 อยู่ที่ 109.32 ปรับตัวลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 7.49 ส่งผลให้ MPI ไตรมาสแรกปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 1.41 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากสัญญาณการส่งออกรวมเดือนมีนาคมขยายตัวร้อยละ 19.54 สูงสุดในรอบ 30 ปี และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถังและอากาศยาน) เดือนมีนาคมขยายตัวร้อยละ 7.26 ซึ่งมีมูลค่าส่งออกอยู่ที่ 20,705 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบกับการนำเข้าสินค้าทุน สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) เดือนมีนาคมที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.66 และ 11.52 ตามลำดับ เพื่อจัดเตรียมการผลิตต่อไป
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่าการเปิดประเทศและการผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศ รวมถึงนโยบายการเปิดประเทศ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ทำให้อุปสงค์ในประเทศทยอยฟื้นตัว สะท้อนได้จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียม รวมถึงการอ่อนค่าของเงินบาทส่งผลดีต่อภาคการส่งออกทำให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ในขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบของรัสเซียและยูเครนได้ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาพลังงานและค่าขนส่ง ด้านภาพรวมสถานการณ์เงินเฟ้อเริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม สะท้อนได้จากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หมวดสินค้าอุตสาหกรรมเดือนมีนาคมขยายตัวที่ร้อยละ 10.4 เร่งตัวขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวที่ร้อยละ 8.0
ขณะเดียวกันสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศไทยยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย สศอ. ได้ใช้เครื่องมือระบบเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย (The Early Warning System Industry Economics : EWS-IE) ในการคำนวณ สะท้อนให้เห็นว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะขยายตัวใน 1-2 เดือนข้างหน้า อุปสงค์ในประเทศและการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัว เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าทยอยฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้มีความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ยังต้องจับตาดูสถานการณ์ของรัสเซียและยูเครน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานและเป็นตัวเร่งให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ดัชนีผลผลิตส่งผลบวกในเดือนมีนาคม 2565 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่
น้ำตาล ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 61.25 เนื่องจากผลผลิตอ้อยที่มีปริมาณมากกว่าปีก่อน รวมถึงการปิดหีบช้ากว่าปีก่อน
น้ำมันปิโตรเลียม ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 17.51 จากผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันเบนซิน 95 เป็นหลัก เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหลังการผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศ รวมถึงมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวของรัฐบาลที่กระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น
ยานยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.86 จากผลิตภัณฑ์รถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดกลาง เครื่องยนต์ดีเซล เป็นหลัก โดยขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศหลังรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว รวมถึงราคาพืชผลเกษตรสำคัญหลายรายการปรับตัวสูงขึ้น
ปุ๋ยเคมี ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 26.17 เนื่องจากเกษตรกรได้ขยายพื้นที่เพาะปลูกหลังราคาพืชผลเกษตรสำคัญหลายรายการปรับตัวสูงขึ้น อาทิ ข้าว น้ำมันปาล์ม ฯลฯ
เบียร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.33 เป็นผลจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและอนุญาตให้มีการจำหน่ายในร้านอาหารและสถานบริการมากขึ้น รวมถึงผู้ประกอบการได้สั่งซื้อเพื่อเก็บสต๊อกก่อนที่ผู้ผลิตจะปรับขึ้นราคา