มรสุมพรรคประชาธิปัตย์
กรณีทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมาแฉนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก่อนแจ้งความดำเนินคดี คุกคามทางเพศหญิงสาวหลายราย ย่อมสร้างความเสียหายให้พรรคประชาธิปัตย์อย่างร้ายแรง
สำหรับปริญญ์ พานิชภักดิ์ เป็นบุตรชายของนายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก ก้าวสู่เส้นทางการเมืองในปี พ.ศ. 2562 ด้วยตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้นายปริญญ์ มีบทบาทสำคัญในพรรคประชาธิปัตย์
โดยนายปริญญ์ ซึ่งเพิ่งเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไม่นาน ก็สามารถเข้าสู่ตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคได้ ด้วยการแก้ไขข้อบังคับพรรค คล้ายล็อกสเปคเพื่อนายปริญญ์ โดยเฉพาะ ซึ่งนายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ใช้สิทธิ์เสนอขอให้ที่ประชุมใหญ่ มีมติยกเว้นคุณสมบัติ เพื่อให้นายปริญญ์ มีคุณสมบัติเป็นรองหัวหน้าพรรคได้ ซึ่งที่ประชุมใหญ่ได้ให้การรับรอง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช เล่าย้อนกลับไปเมื่อปี 2562 ว่า เมื่อมีกระแสข่าวว่านายจุรินทร์ จะเสนอชื่อนายปริญญ์ ขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรค ทำให้มีสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่ง ที่ทราบประวัติของนายปริญญ์มาก่อน ได้เข้าให้ข้อมูลและท้วงติงเกี่ยวกับประวัตินายปริญญ์ต่อนายจุรินทร์ แต่เมื่อนายจุรินทร์ยืนยันที่จะใช้สิทธิ์เสนอชื่อ นายปริญญ์เป็นรองหัวหน้าพรรค ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ที่สามารถกระทำได้
นายเทพไท กล่าวว่า การเสนอชื่อ นายปริญญ์ ขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรค เพื่อทำภารกิจเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย ต้องการให้เข้ามาแทนที่บทบาทของนายกรณ์ จาติกวณิชย์ อดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค เพราะนายกรณ์ คือคู่แข่งขันในตำแหน่งหัวหน้าพรรคกับนายจุรินทร์
“ปริญญ์” ฉาว กระทบพรรคประชาธิปัตย์อย่างไรบ้าง
1 กระทบการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
เพราะในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ นายปริญญ์ ได้รับมอบหมายงานสำคัญ คือการเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง กทม. มีหน้าหน้าที่ในการกำหนด กำกับ ยุทธศาสตร์การหาเสียงทั้งผู้ว่าฯ กทม.และการเลือกตั้ง ส.ก.ของพรรคประชาธิปัตย์
2 กระทบต่อการเลือกตั้งใหญ่
การเลือกตั้งครั้งใหม่ กำลังจะมีขึ้นไม่น่าจะเกิน 1 ปี นับจากนี้ แต่กรณีของนายปริญญ์ น่าจะทำให้คะแนนนิยมของพรรคตกลงอย่างมาก จากเดิมที่คะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ดีอยู่แล้ว แต่กรณีนี้ จะส่งทำให้คะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ ดิ่งลงไปใหญ่
3 กระทบภาพลักษณ์นักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์
โดยเรื่องนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่า ผู้บริหารของพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงคนในพรรคประชาธิปัตย์รู้เรื่องของนายปริญญ์ มาก่อนหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ ก็เคยมีข่าวรือว่า นายปริญญ์ เคยมีกรณีฉาวที่ประเทศอังกฤษ ดังนั้น เรื่องนี้ จึงกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์อย่างรุนแรง
4 กระทบผู้บริหารพรรค
ถ้าผลทางคดีออกมาว่า นายปริญญ์ มีพฤติกรรมอย่างที่ถูกกล่าวหาจริง คนที่จะปลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ คือนายจุรินทร์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นคนชวนนายปริญญ์ เข้าพรรค และยังเป็นคนผลักดันให้นายปริญญ์ มีบทบาทสำคัญในพรรค แม้จะมีเสียงทักท้วงแล้วก็ตาม และหากนายปริญญ์ ผิดจริง เราจะได้เห็นแรงบีบของพรรคประชาธิปัตย์ ต่อนายจุรินทร์ ที่อาจจะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากหัวหน้าพรรค ก็เป็นได้
ประชาธิปัตย์กู้ภาพลักษณ์
วันที่ 19 เม.ย. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงจุดยืนกรณีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ถูกดำเนินคดีล่วงละเมิดทางเพศ ว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค ซึ่งมีส่วนสำคัญในการนำนายปริญญ์เข้าพรรค ต้องขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น
นายจุรินทร์ ยังลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายสตรีแห่งชาติ
ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ 2 ชุด
1)คณะกรรมการตรวจสอบ มีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กำหนดมาตรการป้องกัน มาตรการในการแก้ไขปัญหา และมาตรการในการเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหายต่อไปมาตรการป้องกันที่ว่านี้รวมถึงมาตรการในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้เข้ามาทำหน้าที่ในพรรคนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ 21 ข้อ ที่มีอยู่แล้วในการต้องตรวจสอบก่อนการรับเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค โดยมอบหมายให้ ดร.รัชดา ธนาดิเรก ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการ
2) คณะกรรมการตรวจสอบการโพสต์ในไลน์ของพรรค โดยมอบให้รองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ได้เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป
ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์หลายสมัย ได้ยื่นลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
สำหรับสาเหตุที่ตัดสินใจลาออกครั้งนี้นั้น นายวิทยากล่าวว่า กรณีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่สร้างความเสียหายให้กับพรรค ตนอยากให้กรรมการบริหารพรรคแสดงความรับผิดชอบ และแสดงสปิริตกับเรื่องที่เกิดขึ้นให้มากกว่านี้ เพราะเรื่องมาตรฐานจริยธรรมต้องสูงกว่ากฎหมาย พรรคไม่ผิด แต่มีคนผิด
ดังนั้นต้องมีคนรับผิดชอบ เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคชุดนี้เป็นคนชักจูงนายปริญญ์เข้ามาอยู่ในพรรค ถือเป็นความรับผิดชอบทางการเมืองต่อประชาชน จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็จะไม่เหลือพรรค แต่อย่างไรก็ตามส่วนตัวยังคงรักพรรคประชาธิปัตย์