วิโรจน์ นำทีม ส.ก. ทวงถาม กกต. ตัดสิทธิ์ผู้สมัคร ปมหุ้นสื่อ ที่ปิดกิจการไปเกือบ 30 ปี
วิโรจน์ นำ เฮียเล้า พีรพล ผู้สมัคร ส.ก. พญาไท พร้อมขบวนผู้สมัคร ส.ก.พรรคก้าวไกล บุก กกต. สอบถามกรณียื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยตัดสิทธิผู้สมัครปมถือหุ้นสื่อ ทั้งที่ปิดกิจการมาเกือบ 30 ปี จ่อฟ้องเรียกค่าเสียหาย กกต. เช่นเดียวกับกรณีสุรพล ผู้สมัครฯ ส.ส. เชียงใหม่
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายพีรพล กนกวลัย ผู้สมัคร ส.ก.เขตพญาไท และผู้สมัคร ส.ก. จากพรรคก้าวไกลจำนวนหนึ่ง เดินทางถึงศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ อาคาร B เพื่อยื่นหนังสือทวงถามความยุติธรรมต่อ กกต. กรณีไม่พบเชื่อเฮียเล้า นายพีรพล กนกวลัย เป็นผู้สมัคร ส.ก.พรรคก้าวไกล หลังมีการยื่นหนังสืออุทธรณ์ไปเมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา เนื่องจากกรณี กกต.ตรวจสอบพบว่าเป็นผู้มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 50 (3) แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 “เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ” ซึ่งนายพีรพลได้ยอมรับว่าเคยยื่นจดแจ้งการพิมพ์หนังสือพิมพ์ หรือเป็นเจ้าของกิจการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา และบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ ‘ท่องธรรมชาติ’ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 และสิ้นสุดการเป็นเจ้าของกิจการตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 มาตรา 45 หลังตีพิมพ์วารสารได้เพียง 6 ฉบับและยุติกิจการในปีเดียวกัน
หลังจากที่มีการยื่นหนังสืออุทธรณ์ไปเมื่อวันที่ 12 เมษายน กลับยังไม่พบรายชื่อของนายพีรพล ลงรับเลือกตั้งส.ก.เขตพญาไท ทำให้วิโรจน์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ได้เดินทางมาร่วมยื่นหนังสืออุทธรณ์คำวินิจฉัยที่ กกต. พร้อมผู้สมัคร ส.ก. อีกหลายรายเข้าร่วมให้กำลังใจเฮียเล้า
นายวิโรจน์ ระบุว่า ท่าทีของ กกต. กระทบสิทธิของนายพีรพลอย่างร้ายแรง เนื่องจากข้อกฎหมายเขียนไว้อย่างชัดเจน ว่าสิ้นสุดการเป็นเจ้าของกิจการโดยสมบูรณ์ เชื่อว่าเป็นความบกพร่องของฐานข้อมูล พร้อมกันนี้นายวิโรจน์ยังได้ยกกรณีความผิดพลาดของ กกต. ที่แจกใบส้มให้กับผู้สมัคร ส.ส. เชียงใหม่ เขต 8 เป็นตัวอย่างความเสียหายและการวินิจฉัยที่ไม่เป็นธรรม ทำให้เกิดความเสียหายกับหลายฝ่าย
ส่วนนายพีรพล ยืนยันว่า ไม่เคยใช้สื่อนี้เพื่อหาเสียง อีกทั้งวารสารหัวนี้เกิดขึ้นเมื่อ 28 ปีที่แล้ว และเป็นเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติ ไม่มีความเกี่ยวข้องทางการเมืองและไม่เคยใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการเมืองแต่อย่างใด พีรพล เชื่อว่าการพิจารณาเช่นนี้ไม่ถูกต้องและเป็นธรรม หาก กกต. ยังไม่พิจารณาตามหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง ตนก็พร้อมดำเนินคดีทางแพ่งกับ กกต. เพื่อปกป้องสิทธิและความยุติธรรมให้กับตัวเอง
นายวิโรจน์ ตั้งข้อสงสัยว่า นี่คือการจงใจทำลายพลังทางการเมืองของพรรคก้าวไกลโดยองค์กรอิสระหรือไม่ เพราะเฮียเล้า พีรพล คือหนึ่งในผู้สมัคร ส.ก. ที่ทำงานในพื้นที่มายาวนาน อีกทั้งยังเป็นพลังสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ วิโรจน์จึงเดินทางมาที่ กกต. ในวันนี้ เพื่อเรียกร้องให้กกต. ตรวจสอบคำวินิจฉัยยึดตามหลักกฎหมายและข้อเท็จจริงเพื่อความเป็นธรรมกับผู้สมัครโดยด่วน