“แสนสิริ”ดึง4โครงการหรูจัดพอร์ตแบรนด์ซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่
“แสนสิริ” เผยโฉม “เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ” แลนด์มาร์คแห่งใหม่ พร้อมเข้าอยู่ รุกกลยุทธ์จัดทัพพอร์ตแบรนด์ “Sansiri Luxury Collection” มูลค่ารวมกว่า 22,000 ล้านบาท ย้ำผู้นำเซกเมนต์ลักซ์ชัวรี่ และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ตอบโจทย์ดีมานด์ลูกค้าไฮเอนด์ศักยภาพ
นายปิติ จารุกำจร รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและบริหารกลยุทธ์โครงการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้มีการจัดพอร์ตกลุ่มที่อยู่อาศัย ในตลาดบน เพื่อสร้างความชัดเจนของกลุ่มสินค้าในตลาดระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ซึ่งเป็นการกำหนดมาตรฐานสินค้าในกลุ่มดังกล่าว โดยเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางด้านการตลาด เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจในกลุ่มลูกค้า มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อไฮเอนด์ภายใต้ชื่องาน คอนเซ็ปต์ “ แสนสิริ ลักซ์ชัวรี่ คอลเลคชั่น”
โดยเป็นการนำเอาสินค้าใน 4 แบรนด์หลัก มาจัดไว้ในกลุ่มลักซ์ชัวรี่ คอลเลคชั่น ประกอบด้วยโครงการ ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้ว 90% และมีห้องชุดเหลือขายเพียง9ยูนิต โครงการบ้าน แสนสิริ พัฒนาการ มียอดขายแล้ว 80% เหลือขาย7ยูนิต โครงการคุณบายยู ซึ่งมียอดขายแล้ว 60% และโครงการเดอะโมนูเมนต์ ทองหล่อ ที่มียอดขายแล้ว 40%
“ แสนสิริ ลักซ์ชัวรี่ คอลเลคชั่น เป็นเสมือนการสร้างมาตรฐานใหม่ของสินค้าในกลุ่มซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ของบริษัท โดยสินค้าที่จัดอยู่ในกลุ่มลักซ์ชัวรี่ ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ คือ 1. World-CLass Iconic Desingn งานออกแบบระดับเวิลด์คลาสและไอคอนนิคกับ 2.Finest Material การ เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ทรงคุณค่า 3.Craftsmanship ความประณีตบรรจงด้านงานก่อสร้างผสมผสานศิลปะ และ 4.Curated services การบริการในโครงการที่เทียบเท่าโรงแรมหรู”
สำหรับ 4โครงการดังกล่าว มีมูลค่ารวมกว่า 22,000 ล้านบาท ซึ่งมีแผนจะนำไปโรดโชว์สินค้าใน5ประเทศหลัก คือ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และไต้หวัน ผ่านตัวแทนจำหน่าย(เอเจนซี่)ในประเทศต่างๆ และสำนักงานขายที่เปิดให้บริการอยู่ในประเทศจีน
ทั้งนี้ โครงการเดอะโมนูเมนต์ ทองหล่อ โครงการคอนโดมิเนียมหรูระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ มีเพียง 127 ยูนิต ปัจจุบันงานก่อสร้างแล้วเสร็จแล้ว 100% และมียอดขายอยู่ที่ 40% โดยก่อนหน้านี้ บริษัทได้ปรับราคาขายเพิ่มขึ้น 5% หลังจากเปิดขายในช่วงเดือนมีนาคมปี 2561 ทำให้ปัจจุบัน ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 350,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) จากช่วงที่เปิดขาย ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 320,000-330,000 บาทต่อตร.ม. โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายใน2ปีนี้