“กรมชล” ยันมีน้ำไม่แห้งแล้ง
กรมชลประทาน ชี้แจงกรณีที่เพจเฟสบุ๊ค รู้สู้ภัย ได้มีการนำเสนอภาพลำน้ำเสียวใหญ่ จ.ร้อยเอ็ด ที่มีสภาพแห้งขอด ชาวบ้านกำลังเผชิญกับปัญหาภัยแล้ง เกิดวิกฤตขาดน้ำประปาอย่างหนัก ซึ่งได้มีผู้แสดงความคิดเห็น และนำข้อมูลไปแชร์ต่อในโซเชียลอย่างแพร่หลาย นั้น
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นว่า ภาพดังกล่าวคือลำเสียวใหญ่ ในพื้นที่ จังหวัดร้อยเอ็ด บริเวณหน้าฝายเมืองบัว กรมชลประทาน ได้ทำการขุดร่องชักน้ำ เพื่อดึงน้ำให้ไหลมารวมกันบริเวณโรงสูบน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาคสาขาสุวรรณภูมิ หน่วยบริการเกษตรวิสัย ในเขตเทศบาลเกษตรวิสัยและเทศบาลเมืองบัว อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด โดยโรงสูบน้ำดิบของการประปาจะตั้งอยู่ทางด้านเหนือฝายเมืองบัวของลำน้ำเสียวใหญ่
สำหรับลำน้ำเสียวใหญ่ เป็นทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเสียวใหญ่ มีพื้นที่ลุ่มน้ำประมาณ 4,300 ตารางกิโลเมตร ความยาวประมาณ 245 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในลำน้ำสาขาของแม่น้ำมูล โดยในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมามีปริมาณฝนตกน้อยมากในพื้นที่ลุ่มน้ำเสียวใหญ่ ส่งผลให้ปริมาณน้ำเก็บกักหน้าฝายเมืองบัว มีปริมาณน้อยตั้งแต่สิ้นฤดูฝนปี 2561 ทำให้ปริมาณน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปา ไม่เพียงต่อความต้องการใช้น้ำของประชาชน
กรมชลประทาน จึงได้พิจารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ด้วยการมอบหมายให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเสียวใหญ่ ดำเนินการวางแผนแก้ไขปัญหาร่วมกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น การประปาส่วนภูมิภาคสุวรรณภูมิ, หน่วยบริการเกษตรวิสัย , เทศบาลเกษตรวิสัย , เทศบาลเมืองบัว และอำเภอเกษตรวิสัย ตามมาตรการต่างๆ เริ่มตั้งแต่ช่วงวันที่ 12 ธ.ค. 61 – 20 ม.ค. 62 ได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว จำนวน 4 เครื่อง สูบน้ำจากหน้าฝายวังฮางมาเติมหน้าโรงสูบน้ำดิบ จำนวน 39,000 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) , ช่วงวันที่ 21 ม.ค. – 20 ก.พ. 62 สูบน้ำจากลำเตาส่งน้ำลงคลอง 1L –RMC จำนวน 115,000 ลบ.ม. , ช่วงวันที่ 26 ก.พ. – 13 มี.ค. 62 สูบน้ำจากลำเตาปลายคลอง 1L-RMC จำนวน 35,800 ลบ.ม. และในช่วงวันที่ 13 – 19 มี.ค. 62 ที่ผ่านมา ได้สูบทอยน้ำจากหน้าฝายยางลำเตา ระยะทางประมาณ 1.8 กิโลเมตร ปริมาณน้ำประมาณ 10,000 ลบ.ม. โดยนำรถแบ็คโฮทำการขุดร่องชักน้ำ เพื่อช่วยให้น้ำไหลลงท่าสูบได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น
จากมาตรการแก้ไขปัญหาและการให้ความช่วยเหลือในการสูบน้ำของกรมชลประทานดังกล่าวข้างต้น จนถึงปัจจุบันได้ปริมาณน้ำกว่า 200,000 ลบ.ม.แล้ว ทั้งยังพบว่าหน่วยบริการประปาเกษตรวิสัยมีอัตราการใช้น้ำ 1,400 ลบ.ม./วัน ทำให้ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค. 62 ยังคงมีความต้องการน้ำดิบอีกประมาณ 108,000 ลบ.ม. ซึ่งปัจจุบันมีจุดสูบและ แหล่งน้ำดิบ 2 จุด ที่มีปริมาณน้ำเหลือให้สูบเพียง 30,000 ลบ.ม. ยังขาดน้ำดิบเพื่อผลิตประปาอีกกว่า 78,000 ลบ.ม. จึงได้ วางแนวทางแก้ไขโดยการสูบผันน้ำจากหน้าฝายเล้าข้าว ซึ่งมีปริมาณน้ำ 100,000 ลบ.ม. ผ่านประตูระบายน้ำกู่กาสิงห์ และ ฝายบ้านหนองเบ็น มาเติมน้ำที่โรงสูบน้ำดิบ นอกจากนี้ เทศบาลเมืองบัวจะใช้ระบบน้ำประปาบาดาลช่วยเสริมและเชื่อมเส้นท่อเข้ากับท่อของการประปาเกษตรวิสัย เพื่อลดการใช้น้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาคสุวรรณภูมิ หน่วยบริการเกษตรวิสัยอีกทางหนึ่งด้วย
กรมชลประทาน ขอยืนยันว่าปริมาณน้ำที่ได้จัดหามาเพิ่มเติมจะเพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาจนถึงสิ้นสุด ฤดูแล้ง โดยได้ร่วมบูรณาการทำงานกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อร่วมแรงร่วมใจกันให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังได้มีการเตรียมความพร้อมทางด้านเครื่องจักร เครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ที่พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถผ่านวิกฤติภัยแล้งนี้ไปได้ด้วยดี จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมแรงร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุดด้วย