ธอส.ปรับเกมใหม่ ดัน “เฟส 2” บ้านล้านหลัง
ธอส.ขานรับไอเดีย รองฯสมคิด ปรับลุ๊คซ์ใหม่ “คุมเกม-อำนวยการ” โครงการบ้านหลัง พร้อมเดินหน้าเฟส 2 ช่วง ก.ย.นี้ ประกาศดึง “บีโอไอ” สร้างแรงจูงใจ “ผู้รับเหมา-ธุรกิจอสังหาฯ” ทั่วไทย หวังดึงเข้าร่วมโครงการฯ ลดปัญหา Supply มีไม่ทัน Demand สั่งอัดฉีด “คนร่วมโครงการรุ่นใหม่” ผ่านมาตรการทางสังคม ดันเงื่อนไขสุดๆ ประเคนเพียบ
“จากนี้ไป…คนธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จะทำหน้าที่เป็นแค่ Banker หรือ Banking Man คอยปล่อยสินเชื่อเหมือนแต่เช่นก่อนไม่ได้อีกแล้ว แต่จะต้องเป็น Marketing Man ที่มีอยู่ความรู้ด้าน Financial คอยดูแล แนะนำ ให้คำปรึกษา และอำนวยความสะดวกด้านการเงินแก่ลูกค้า จึงจะอยู่รอดปลอดภัยได้ในยุคนี้”
บางส่วนที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ พูดต่อที่ประชุมบอร์ดและคณะผู้บริหารของ ธอส. ระหว่างตรวจเยี่ยมเพื่อมอบนโยบายและติดตามความคืบหน้าโครงการบ้านล้านหลัง ณ สำนักงานใหญ่ ธอส. เมื่อช่วงสายของวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา
นั่นจึงนำไปสู่แนวคิดและการปฏิบัติที่จะมีตามมา สำหรับการดำเนินโครงการบ้านล้านหลัง เฟสที่ 2 ซึ่งจะเปิดให้ผู้สนใจจับจองในช่วงเดือน ก.ย.ที่จะถึงนี้ กับ “แนวทางใหม่” เช่นที่ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ ชี้แนะและได้รับการขานรับด้วยดีจาก ธอส.
วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท กับจำนวนบ้านในเฟส 2 ราว 80,000 – 100,000 แสนหลัง จะถูกบริหารจัดการอย่างเป็นระบบจาก ธอส. เริ่มจากการเข้าไปดูแล…งานออกแบบ การกำหนดวัสดุ และกำกับดูแลควบคุมการก่อสร้างโครงการฯ โดยเตรียมประสานผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ/หรือ ผู้รับเหมาขนาดใหญ่ และเล็ก ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ในการร่วมขับเคลื่อนโครงการฯ
เป้าหมายคือ ลดต้นทุนและเวลาในการก่อสร้าง โดยที่โครงสร้างตัวบ้านยังมั่นคงและแข็งแรง ขณะที่ประชาชน ก็จะได้บ้านราคาถูกลง ทั้งนี้ รัฐบาลโดยนายสมคิด ได้สั่งการไปยังคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อให้สร้างแรงจูงใจต่างๆ แก่ภาคเอกชนที่จะเข้าร่วมโครงการฯนี้ และธอส.ก็พร้อมจะสานต่อในการหาเอกชนเข้าร่วมโครงการต่อไป
นอกจากนี้ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ ยังแนะนำให้ ธอส. สร้างแรงจูงใจแก่ประชาชน ผ่านมาตรการทางสังคม โดยเฉพาะผู้ที่รับเลี้ยงและดูแล “พ่อแม่บุพการี” จะได้สิทธิพิเศษ อาทิ ได้สิทธิ์ในการจองเข้าร่วมโครงการฯ ได้ “โบนัส” เป็นเงินก้อนสนับสนุนการตัดจ่ายเงินต้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ย ซึ่ง ธอส.พยายามจะดำเนินการจัดหาแหล่งเงินที่มีต้นทุนต่ำ เช่น การออกสลาก ธอส. วงเงิน 1 แสนล้านบาท โดยแบ่งการออกสลากเป็นเฟสๆ ไป หรือแม้แต่การจัดตั้งกองทุนเพื่อการลงทุนด้านโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานของ ธอส. และการขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ จากเดิม 40 ปี เป็น 50 ปี โดยจะนำปรึกษากับกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต่อไป
รวมถึงการปรับเปลี่ยนบทบาทใหม่ เป็นผู้อำนวยการ คอยจัดหาและให้ความสะดวกแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ เช่น เมื่อครอบครัวใหญ่ขึ้น บ้านราคา 1 ล้านบาทอาจเล็กเกินไป ก็จะต้องสามารถกู้เงินมาเพื่อขยายบ้าน หรือซื้อบ้านหลังใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยบ้านหลังเก่านั้น ธอส.จะนำไปขายต่อให้กับผู้สนใจ ซึ่งมีข้อมูลจัดเก็บไว้อยู่แล้ว
“รัฐไม่คิดจะแข่งขันกับภาคเอกชน จึงพยายามเชิญชวนให้เอกชนทั่วประเทศมาเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง แต่หากเอกชนไม่สนใจ ธอส.ก็พร้อมจะดำเนินโครงการได้ทันที เพราะธอส.ก็มีเครดิตดีอยู่แล้ว และโครงการฯก็มีขนาดใหญ่ เป็นที่รู้จักและสนใจของประชาชน” นายสมคิดระบุ
ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า ธอส.พร้อมดำเนินการตามคำแนะนำของรองนายกฯ และบางอย่างก็ได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่เหลืออีก 4 เดือนนับจากนี้ ธอส.จะเร่งดำเนินการนำผู้ที่ยื่นความจำนงกับโครงการ และยังไม่ได้รับอนุมัติ จากยอดรวม 172,000 ราย มาเข้าโครงการฯโดยเร็ว ซึ่งการปรับเปลี่ยนแนวคิดและแนวทางการดำเนินงาน ตามคำแนะนำของรองนายกฯ เชื่อว่าจะทำให้การดำเนินงานทำได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะด้าน Supply ที่ประสบปัญหาก่อนหน้านี้
“ในส่วนของเฟส 1 ธอส.พร้อมผ่อนปรนเงื่อนไข สำหรับกลุ่มคนที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน ได้เข้าถึงสินเชื่อบ้านได้ง่าย รวมถึงขยายผลต่อไปยังกลุ่มผู้เลี้ยงดูพ่อแม่ กลุ่มหนุ่มสาว คนเริ่มทำงาน ทั้งในเฟส 1 และเฟส 2 ที่จะเริ่มเปิดจองในเดือน ก.ย.ที่จะถึงนี้” กรรมการผู้จัดการ ธอส.ย้ำ.