รู้จัก ‘สกลธี ภัททิยกุล’ จาก ทหารเสือ กปปส. สู่ ผู้ท้าชิงผู้ว่าฯ กทม.
เป็นอีกคนที่เพิ่งที่ประกาศตัวลงแข่งขันในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. “สกลธี ภัททิยกุล” ลาออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม.สดๆร้อนๆ
สกลธี ภัททิยกุล หรือ “จั้ม” เกิดเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2520 เป็นบุตรชายคนโตของ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตปลัดกระทรวงกลาโหมและอดีตเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)
จบการศึกษาในระดับมัธยมจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียลและโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
ปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ปริญญาโทด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยอินเดียน่า และ มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
เขาเริ่มรับราชการในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ต่อมาได้ทำหน้าที่เลขานุการของนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม กระทั่งในเดือน ต.ค.2550 สกลธี ได้ลาออกจากราชการ เพื่อไปสมัครลงรับเลือกตั้งกับทางพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจากการเป็นบุตรชายของ พล.อ.วินัย เลขาธิการ คมช. จึงทำให้ถูกมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจของ คมช.
ปี 2550 เขาลงสมัคร ส.ส.ครั้งแรก ในกรุงเทพมหานคร เขต 4 คือ เขตจตุจักร, บางซื่อ, หลักสี่ คู่กับนายบุญยอด สุขถิ่นไทย และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ซึ่งได้รับเลือกตั้งทั้ง 3 คน
และในการเลือกตั้งปี 2554 สกลธี ได้ลงสมัครในกรุงเทพมหานครอีกครั้ง ในเขต 11 คือ เขตหลักสี่ โดยมีคู่แข่งคือ นายสุรชาติ เทียนทอง บุตรชายของนายเสนาะ เทียนทอง ผลปรากฏว่า ไม่ได้รับการเลือกตั้ง
ในวิกฤตการณ์การเมืองไทย 2556–2557 “สกลธี” ถือเป็นแนวร่วมคนสำคัญคนหนึ่งของ กปปส. ร่วมกับคนอายุคราวเดียวกัน คือ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, นายชุมพล จุลใส และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ พวกเขาได้รับฉายาจากสื่อมวลชนและผู้ชุมนุมว่า 4 ทหารเสือ กปปส.
ไม่นานหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมอำนาจการปกครอง เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 “สกลธี” ยังคงต้องขึ้นศาลในข้อหากบฏ
เดือน ต.ค.2559 มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 64/2559 กำหนดให้ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ้นจากตำแหน่ง และให้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯ กทม. ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. และให้มีรองผู้ว่าฯ ไม่เกิน 4 คน
และต่อมาในปี 2561 “สกลธี” ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตามคำสั่งกรุงเทพมหานครที่ 1215/2561 ลงนามโดย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง สืบต่อจาก พล.ต.อ.ชินทัต มีศุข ซึ่งย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2561
กระทั่งในเดือน ก.ย. 2561 เขาได้ไปร่วมงานเปิดตัว พรรคพลังประชารัฐ กระทั่งวันเสาร์ที่ 21 ธ.ค. พ.ศ. 2562 ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคพลังประชารัฐ ประจำปี 2562 ที่ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ สกลธีได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค แต่เขาได้ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐในเวลาต่อมา
จนถึงวันที่ 7 มี.ค.2565 สกลธี ประกาศลาออกรองผู้ว่าฯ กทม. เตรียมลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่า กทม. เขาระบุว่า เกือบ 4 ปีแล้ว ที่ได้มีโอกาสเข้ามาบริหารราชการในฐานะรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร วันเวลาผ่านไปเร็วมากๆ คงจะเหมือนที่มีคนเคยกล่าวไว้ว่า เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปไวเสมอ เพราะสำหรับผมมันไม่เหมือนการมาทำงาน แต่มันเป็นความสุขทุกวันที่ได้มาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้แก้ไขปัญหา และพัฒนางานด้านต่างๆ ในภารกิจที่ผมได้รับผิดชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแก้ไขเรื่องร้องเรียนและเดือดร้อนของพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครที่ได้กรุณาแจ้งมา ซึ่งผมและเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครได้พยายามช่วยอย่างเต็มที่ในทุกๆ เรื่อง
“ในโอกาสนี้ ผมต้องขอขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรีและท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ได้ให้โอกาสผมในการทำงานซึ่งเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากสำหรับผม รวมถึงขอขอบคุณบุคลากรของกรุงเทพมหานครทุกคนที่ได้ร่วมกันทำหน้าที่แก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครอย่างเต็มความสามารถ ทุกคนตั้งใจทุ่มเทจริงๆ ครับ”
สกลธี บอกว่า หลายปีที่ผ่านมา มีหลายสิ่งดีๆ เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครของเรา แต่อย่างไรก็ตาม เห็นว่ายังมีอีกหลายด้านที่สามารถทำให้ ดีกว่านี้ได้ ทั้งในด้านกายภาพและคุณภาพชีวิตของชาวกรุงเทพมหานคร ผมเชื่อมั่นมากว่ากรุงเทพมหานครของเรา “ดีกว่านี้ได้” ในหลายๆ ด้าน ดังนั้น ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่จะเกิดขึ้นอันใกล้นี้ ผมพร้อมและขออาสาเสนอตัวเป็นผู้สมัครในนาม “อิสระ” โดยจะใช้ประสบการณ์และหลายๆ สิ่งที่เก็บสะสมมาและอยากจะทำ ซึ่งผมอยากจะขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร ให้โอกาสผมและทีมงานได้รับใช้ทุกท่านด้วย