หวัดระบาดหนักในฮ่องกง
เด็กนักเรียนนับแสนคนในฮ่องกงจะได้ฉลองเทศกาลตรุษจีนเร็วขึ้นเนื่องจากหน่วยงานด้านการศึกษาสั่งปิดร.ร.อนุบาลและร.ร.ประถมเพื่อเป็นการต่อสู้กับโรคหวัดที่ระบาดอย่างรุนแรง
โดยเทศกาลวันหยุดประจำปีเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 8 ก.พ. เร็วขึ้นกว่าปกติหนึ่งสัปดาห์เพื่อบรรเทาการแพร่ระบาดของเชื้อหวัด สำนักการศึกษาของฮ่องกงระบุในแถลงการณ์ เพื่อให้ทางร.ร.มีเวลามากขึ้นในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคให้หมดในแต่ละแห่ง
ปัจจุบัน เชื้อหวัดแพร่ระบาดไปได้ในหลายพื้นที่ของโลก รวมทั้งส่วนใหญ่ของยุโรป เอเชียและอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เชื้อหวัดที่แพร่กระจายมากที่สุดคือไวรัสสายพันธุ์ H3N2 หรือที่เรียกกันว่า ‘หวัดออสเตรเลีย’ หลังจากเกิดขึ้นในช่วงฤดูที่ประชาชนเป็นหวัดกันมาก
มีการปิดร.ร.ในบางพื้นที่ของสหรัฐฯ ซึ่งมีเด็กเสียชีวิตจากหวัดอย่างน้อย 37 รายตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว อ้างอิงจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค
ตั้งแต่ต้นปี 2561 นี้เป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 120 รายจากเชื้อหวัดในฮ่องกง โดยในจำนวนนี้เป็นเด็ก 2 ราย อ้างอิงจากการรายงานของสื่อสาธารณะ RTHK
โฆษกของสำนักการศึกษากล่าวกับสื่อ CNN ว่า ครั้งล่าสุดที่ร.ร.ต้องถูกสั่งปิดในลักษณะนี้คือในเดือนมิ.ย.ปี 2552 ช่วงที่โรคหวัดแพร่ระบาดไปทั่วเอเชีย
องค์การอนามัยโลก (WHO) ประเมินว่า ในแต่ละปีมีประชาชนประมาณ 290,000 – 650,000 เสียชีวิตจากเชื้อหวัดทั่วโลก
“เมื่อเชื้อไวรัส H3N2 โดดเด่นขึ้นมา จะกลายเป็นเรื่องหนักตั้งแต่แรก และจะกลายเป็นปีที่แย่ไปเลยทั้งปี” Anthony Fauci ผู้อำนวยการของสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติให้สัมภาษณ์กับสื่อ CNN
ในหลายพื้นที่ของเอเชีย ทั้งเกาหลีใต้ จีนและสิงคโปร์ล้วนรายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อหวัดที่สูงขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ H3N2 นี้
ในปี 2552 โรคหวัดแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18,000 รายทั่วโลก อ้างอิงจากรายงานขององค์การอนามัยโลก
และประเมินว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจริงอาจสูงกว่านี้
อ้างอิงจากศูนย์ดูแลสุขภาพของฮ่องกง (CPH) ร.ร.เป็นแหล่งสำคัญในการแพร่กระจายของเชื้อโรคเนื่องจากเด็กจำนวนมากยังเด็กเกินไปและควรได้รับการดูแลเป็นการส่วนตัวที่เหมาะสม
ทั้งนี้ ฮ่องกงมีความเปราะบางอ่อนไหวเกี่ยวกับโรคระบาดจากประสบการณ์ของเมืองที่เคยเกิดโรคระบาดอย่างรุนแรงอย่างโรคซาร์สในปี 2546 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 300 รายและหลายร้อยคนต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล
ในเดือนม.ค.โฆษกของ CPH แถลงเตือนให้เด็ก ผู้สูงอายุและผู้ที่เป็นหวัดง่ายเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ที่ร่างกายจะสามารถพัฒนาภูมิต้านทานหลังจากฉีดวัคซีน
ปัจจุบัน ฮ่องกงขยายระบบการดูแลฉีดวัคซีนให้ฟรีสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ประชาชนหลายแสนคนได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว อย่างไรก็ตาม โฆษกของ CPH ระบุว่า จำนวนสต็อกของวัคซีนมีเหลืออยู่ไม่มาก แต่เสริมว่า วัคซีนลอตใหม่จะเข้ามาหลังเทศกาลตรุษจีน.