ทรัมป์เสนอให้สถานะพลเมืองกับผู้อพยพ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ เตรียมให้การสนับสนุนร่างกฎหมายที่จะเปิดทางให้ผู้อพยพจำนวน 1.8 ล้านคนได้สถานะพลเมืองอเมริกัน ซึ่งรวมถึงบรรดา ‘Dreamers’ กว่า 700,000 คนที่ถูกพ่อแม่ลักลอบพาเข้าสหรัฐฯ มาอย่างผิดกฎหมายเมื่อตอนที่พวกเขาเป็นเด็ก
และได้รับการปกป้องไม่ต้องถูกเนรเทศออกจากสหรัฐฯ จากโครงการ DACA ที่เริ่มต้นขึ้นในสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา อ้างอิงจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่อาวุโสในทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวเสนอแผนที่จะเพิ่มจำนวนการปกป้องผู้อพยพไม่ให้ถูกเนรเทศเป็นสองเท่าจากเดิม โดยอธิบายว่าเป็นเหมือนการให้สัมปทานครั้งสำคัญที่ตั้งเป้าจะดึงเสียงสนับสนุนจากพรรคเดโมแครตสำหรับข้อตกลงเรื่องผู้อพยพ
แต่แผนนี้ต้องแลกกับสิ่งที่พรรครีพับลิกันต้องการคือยุติการสนับสนุนครอบครัวของผู้อพยพ ยกระดับความปลอดภัยที่พรมแดน และจัดหางบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อเป็นทุนในการสร้างกำแพงตามแนวชายแดนที่ติดกับเม็กซิโกตามที่ผู้นำสหรัฐฯ เคยเสนอเป็นแคมเปญสำคัญไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2559
การต่อสู้เพื่อปกป้องบรรดา ‘Dreamers’ จากโครงการ DACA ซึ่งจะหมดอายุลงในเดือนมี.ค.นี้ เป็นส่วนหนึ่งของจุดยืนที่แตกต่างกันระหว่างพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในวุฒิสภา ซึ่งส่งผลให้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณไม่ทันตามเงื่อนเวลาที่กำหนด ทำให้รัฐบาลต้องประสบกับภาวะชัทดาวน์เป็นเวลา 3 วันซึ่งสิ้นสุดลงในวันที่ 22 ม.ค.
ส.ว.เห็นพ้องกันที่จะผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเป็นทุนให้รัฐบาลใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 8 ก.พ. และมีโอกาสน้อยลงที่จะตกลงเรื่องผู้อพยพ โดยแผนของประธานาธิบดีทรัมป์จะช่วยให้มีแนวทางในการพูดคุยเรื่องนี้ Mitch McConnell ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาระบุในแถลงการณ์
ทำเนียบขาวชี้ว่า ผู้อพยพ 1.8 ล้านคนจะเปลี่ยนสถานะเป็นพลเมืองอเมริกันได้ภายใน 10 – 12 ปี หากพวกเขามีงานทำเป็นหลักแหล่งและไม่มีประวัติอาชญากรรม
ทั้งนี้ แผนของประธานาธิบดีทรัมป์คือต้องการให้สภาคองเกรสจัดหางบประมาณจำนวน 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 789,000 ล้านบาทเพื่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนทางใต้ที่ติดกับเม็กซิโก และลงทุนในการป้องกันชายแดนทางเหนือกับแคนาดา
ทางทำเนียบขาวระบุชัดเจนว่า ข้อตกลงนี้ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับประเด็นของ DACA และกำแพงกั้นพรมแดน แต่ยังมีรายละเอียดครอบคลุมไปถึงการสิ้นสุดโครงการวีซ่าลอตเตอรีสำหรับบางประเทศ และจำกัดการให้ความช่วยเหลือครอบครัวของผู้อพยพ ให้เหลือเพียงคู่สมรสและลูกๆ ของพวกเขาเท่านั้น ไม่รวมถึงพ่อแม่และพี่น้องของผู้อพยพ
Stephen Legomsky ซึ่งเป็นประธานที่ปรึกษาสำนักบริการพลเมืองสหรัฐฯและผู้อพยพในสมัยอดีตประธานาธิบดีโอบามา เรียกแผนการนี้ว่า ‘ การแลกเปลี่ยนที่น่ากลัว ’ และทำนายว่าพรรคเดโมแครตจะปฏิเสธข้อเสนอนี้
“ ทำเนียบขาวเสนอให้พวก Dreamers ที่บริสุทธิ์มีโอกาสที่จะได้สถานะพลเมืองเพียงครั้งเดียว และคาดว่าจะได้แลกคืนมาทั้งการตัดงบประมาณให้ครอบครัวผู้อพยพอย่างถาวร กำจัดโครงการที่หลากหลายอย่างถาวร และลงทุนในกำแพงกั้นพรมแดน ” Legomsky กล่าว