มาครงเปลี่ยนโฉมฝรั่งเศส
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงเปลี่ยนภาพลักษณ์ของฝรั่งเศสไปอย่างสิ้นเชิง Xavier Neil มหาเศรษฐี ผู้ทรงอิทธิพลในวงการสื่อสารของฝรั่งเศสกล่าวเมื่อวันที่ 24 ม.ค.โดยเขายกย่องผู้นำประเทศที่เป็นนักการเมืองรุ่นอายุน้อยที่ส่งเสริมธุรกิจและดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถให้อยากมาร่วมงานด้วยเป็นจำนวนมาก
“ท่านประธานาธิบดีทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็นประเทศที่ส่งเสริมสตาร์ทอัพ ส่งเสริมภาพลักษณ์ผู้ประกอบการในต่างประเทศ ซึ่งประเทศเราไม่เคยมีมาก่อน” Neil กล่าว โดยเขาเป็นผู้ดูแลและผู้สนับสนุนรายใหญ่ของสตาร์ทอัพที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแซนในกรุงปารีส โดยเพิ่งเปิดตัวหลังจากมาครงชนะการเลือกตั้งได้เพียงหนึ่งเดือน
โดยการพูดคุยกับกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ Station F ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพกว่า 1,000 ราย Neil กล่าวยกย่องการทำงานของประธานาธิบดีมาครง ทั้งการปฏิรูปแรงงานและภาษีการลงทุน แต่ความสำเร็จที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของฝรั่งเศสที่เคยไม่เป็นมิตรกับธุรกิจ ทั้งนี้ Neil ในวัย 50 ปี เป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเล่นเรียกกันโดยทั่วไปว่า ‘สตีฟ จอบส์แห่งฝรั่งเศส’
“ฝรั่งเศสไม่ได้เปลี่ยน สิ่งที่เปลี่ยนจริงๆคือความจริงที่ว่า การมีประธานาธิบดีคนหนุ่มที่ทรงพลัง ซึ่งไม่ได้มาจากพรรคการเมือง”
เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ประธานาธิบดีมาครงเผยแผนการปฏิรูปฝรั่งเศสกับกลุ่มผู้นำทางธุรกิจที่มารวมตัวกันในเมืองดาวอสที่กำลังมีการจัดการประชุม World Economic Forum
Neil รองประธานของ Iliad ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของฝรั่งเศส กล่าวว่า นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯและการไม่เข้าร่วมในข้อตกลงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงหนุนให้ฝรั่งเศสโดดเด่นขึ้นมาเป็นประเทศที่น่าสนใจที่จะลงทุนทำธุรกิจ “อังกฤษอาจดูไม่ค่อยมีเสถียรภาพนักภายใต้การบริหารของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ เยอรมนีก็ดูไม่น่าสนใจกับผู้นำประเทศที่คงจะอยู่อีกนานหลายปี และสหรัฐฯภายใต้การนำของทรัมป์ยิ่งดูเหมือนไม่ต้อนรับคนแปลกหน้าเลย”
“ท่ามกลางตัวเลือกที่มีทั้งหมด ฝรั่งเศสดูจะน่าสนใจมาก”
Roxanne Varza ผู้จัดการ Station F ระบุว่า ทางบริษัทซึ่งเป็นผู้ดูแลและช่วยพัฒนาสตาร์ทอัพ ซึ่ง Neil ผู้เป็นเจ้าของได้ลงทุนเงินของตัวเองไปถึง 250 ล้านยูโร หรือราว 9,882 ล้านบาท ได้รับใบสมัครจากสหรัฐฯและสหราชอาณาจักรมากกว่าประเทศอื่นๆในปีที่แล้ว
โดย Neil มองว่า การที่ประธานาธิบดีมาครงเริ่มนำภาษีคงที่ 30% มาใช้กับกำไรจากเงินทุนและเงินปันผล เป็นหนึ่งในการปฏิรูปที่สำคัญสำหรับบริษัทที่กำลังมองหาการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดึงดูดบริษัทไฮเทคทั้งหลายให้มาทำธุรกิจในฝรั่งเศสคือความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นก่อนหน้ามาครงจะเข้ารับตำแหน่ง เนื่องจากอดีตประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศสเป็นผู้อนุมัติวีซ่าให้กับผู้ประกอบการในแวดวงดิจิทัลทั้งหลาย
ในปี 2560 รายงานของ State of European Tech ระบุว่า การลงทุนของบริษัท Atomico สนใจที่จะลงทุนในอังกฤษมากที่สุด โดยมีมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 170,532 ล้านบาท มากกว่า 2 เท่าของที่มีในฝรั่งเศส
แต่ยังคงเป็นฝรั่งเศสที่สามารถปิดดีลธุรกิจได้เป็นส่วนใหญ่.