ปิดดีล Nestle ขายกิจการขนมให้ Ferrero
เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ทางบริษัท Nestle ระบุว่าได้มีการตกลงที่จะขายกิจการลูกกวาดในสหรัฐฯ ให้กับบริษัท Ferrero สัญชาติอิตาลีในราคา 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 89,506 บาทเป็นเงินสด เนื่องจากบริษัท Nestle ซึ่งเดิมทีเป็นบริษัทจากสวิตเซอร์แลนด์ พยายามจะปรับเปลี่ยนโปรไฟล์ด้านผลิตภัณฑ์ของทางบริษัท
บริษัท Ferrero เป็นที่รู้จักจากลูกกวาดและขนมหวานชื่อดังอย่าง Tic Tac, Nutella และ Ferrero Rocher
จะเข้าซื้อกิจการ Crunch Butterfinger และ Baby Ruth จากบริษัท Nestle
การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ จะทำให้ทาง Ferrero กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตของหวานที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของตลาดสหรัฐฯ
อ้างอิงจากการรายงานของสื่อ ทางบริษัท Ferrero จำเป็นต้องแข่งขันกับผู้ผลิตช็อคโกแลตรายใหญ่อย่าง Hershey และกองทุนเอกชน รวมถึง Rhone Capital เพื่อที่จะคว้าข้อตกลงนี้ไว้ให้ได้
Giovanni Ferrero ประธานกรรมการบริหาร ระบุว่า หลังจากที่มีการเข้าซื้อกิจการ ทาง Ferrero Group จะมีขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่าเดิม รวมถึงการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงให้กับลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดของหวานที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ด้าน Mark Schneider ผู้บริหารระดับสูงของ Nestle ระบุว่า ข้อตกลงของดีลการซื้อขายครั้งนี้ ช่วยให้บริษัท Nestle สามารถลงทุนและริเริ่มในผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ ที่เราเล็งเห็นว่าจะมีการเติบโตที่แข็งแกร่งในภายภาคหน้า และจะยังคงรั้งตำแหน่งผู้นำในผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ อย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง น้ำขวด กาแฟ อาหารแช่แข็ง และอาหารสำหรับเด็กทารก
ทางบริษัท Neslte ได้เริ่มมีการปรับเปลี่ยนบริษัทนับตั้งแต่ Schneider ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นหัวหน้าของกลุ่มสุขภาพเยอรมัน หรือ Fresenius ได้เข้ามาควบคุมดูแลกิจการของ Nestle นับตั้งแต่ต้นปีก่อน
โดยทางบริษัทได้ผุดแบรนด์ซึ่งรับหน้าที่ทำอาหารมังสวิรัติ วิตามิน และกาแฟราคาแพง
อ้างอิงจาก Ibis World ระบุว่า กิจการลูกกวาดของ Nestle มียอดขายราว 900 ล้านฟรังก์ หรือราว 29,832 ล้านบาทในปี 2559 และมีมูลค่าในตลาดรวมทั้งหมดถึง 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ราว 255,720 ล้านบาท
ทาง Nestle ระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ราว ๆ 3% จากยอดขายทั้งหมดในสหรัฐฯ เท่านั้น
ด้านธุรกิจในครอบครัว Ferrero นั้น มีบริษัทที่รับหน้าที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อยู่ทั้งหมด 22 แห่ง และมีพนักงานทั้งหมดกว่า 30,000 คน.