คลังกำชับข้าราชการสังกัดคุมเข้มสกัด “โอมิครอน”
คลัง แจงมาตรการรับมือ “โอไมครอน” ของบุคลากรพร้อมบริการประชาชน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) โดยเฉพาะสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน”ว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ที่ผ่านมาประเทศไทยสามารถรับมือกับการแพร่ระบาดระลอกต่างๆ ได้ดี มีทีมงานสาธารณสุขที่เข้มแข็ง และท่านนายกรัฐมนตรีก็ถือว่าเรื่องดังกล่าวเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา
ในส่วนของกระทรวงการคลัง ที่ผ่านมาตนและผู้บริหารระดับสูงได้มีการกำชับให้ทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานในกำกับ ปฏิบัติตนตามข้อแนะนำของทางสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ทั้งการเว้นระยะห่างทางสังคม การสลับกันมาปฏิบัติหน้าที่ การปฏิบัติงานนอกสถานที่ (WFH – Work from Home) การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อการบริการประชาชนบนพื้นฐานของการทำงานแบบ New Normal การฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด 19 เป็นประจำทุกสัปดาห์ การรณรงค์ให้บุคลากรเข้ารับวัคซีน การจัดหาชุดตรวจ ATK เพื่อคัดกรองบุคลากรที่มีความเสี่ยง และ การให้ความรู้บุคลากรในการดูแลตัวเอง
ทั้งการปฏิบัติงานและการดูแลเรื่องส่วนตัว ให้เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาด นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำรายงานสถานการณ์ผู้มีความเสี่ยงและผู้ติดเชื้อโควิด 19 เป็นประจำทุกวัน เพื่อใช้ในการติดตามเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ของบุคลากรกระทรวงการคลัง
สำหรับปัจจุบัน เมื่อมีสายพันธุ์ใหม่อย่าง “โอไมครอน” เข้ามาในประเทศ กระทรวงการคลังก็ได้ยกระดับการทำงานให้เป็นไปตามมาตรฐาน D-M-H-T-T ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำล่าสุด
“ผมอยากให้ประชาชนทุกท่านเชื่อมั่นในการให้บริการของกระทรวงการคลัง โรคระบาดแม้จะมีความเสี่ยงสูง แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถป้องกันได้ เราให้ความสำคัญกับการดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหามาโดยตลอด พร้อมๆ กับการเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติตามข้อกำหนดทางด้านสาธารณสุข ทั้งในขณะปฏิบัติงาน และการใช้ชีวิตนอกเวลางาน รวมถึงการเตรียมเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้พร้อมในการให้บริการ เตรียมแผนบริหารความเสี่ยงที่จำเป็น เตรียมการตรวจคัดกรองสำหรับผู้ที่ต้องให้บริการประชาชนในส่วนหน้า ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าการดำเนินงานต่างๆ เพื่อการให้บริการประชาชนของเราจะยังคงมีประสิทธิภาพ และแม้จะมีการระบาดของโรคมากน้อยเพียงใด แต่ประชาชนจะต้องได้รับบริการที่รวดเร็วและมีมาตรฐานจากกระทรวงการคลังเช่นเดิม”