ยื่นคำร้องหยุดรัฐปราบเงินดิจิทัล
ในเกาหลีใต้มีการรวบรวมรายชื่อกันเพื่อยื่นคำร้องไม่ให้รัฐบาลห้ามการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล โดยจำนวนผู้ลงชื่อมีจำนวนเข้าเกณฑ์ที่จะทำให้รัฐบาลต้องขานรับกับเรื่องนี้
โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 ม.ค. มีผู้ลงชื่อในคำร้องมากกว่า 212,700 คนเพื่อยื่นต่อทำเนียบประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ ตามประกาศที่ออกมาเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.เรื่องการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล จากการแปลภาษาของกูเกิลระบุว่า หากคำร้องมีผู้ลงชื่อสนับสนุนเกิน 200,000 คนและมีการยื่นภายใน 30 วัน ทางทำเนียบจะขานรับกับประเด็นที่ยื่นคำร้องเข้ามา
“ ประชาชนของเราสามารถที่จะมีความฝันที่มีความสุขซึ่งพวกเขาไม่เคยมีมาก่อนได้ ก็เพราะเงินเสมือนจริงเหล่านี้ ” ผู้เขียนนิรนามของคำร้องนี้แสดงความเห็น อ้างอิงจากการแปลของกูเกิล
“ ประชาชนไม่โง่ เงินเสมือนจริงเป็นการลงทุนเพราะถูกจัดอยู่ในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 “
ทั้งนี้ ผู้ยื่นคำร้องสนับสนุนมาตรการของรัฐบาลเกาหลีใต้ที่มีต่อสกุลเงินดิจิทัลในบางประเด็น เช่น การห้ามซื้อขายด้วยบัญชีนิรนาม
“ อย่างไรก็ตาม ผมหวังว่าเศรษฐกิจของประเทศจะไม่ทรุดลงจากกฎระเบียบที่ไม่มีความยุติธรรมในสถานการณ์ปัจจุบัน ” อ้างอิงจากคำร้องที่ผ่านการแปลโดยกูเกิล
ทั้งนี้ อัตราการว่างงานในคนหนุ่มสาวชาวเกาหลีใต้ หรือคนในช่วงอายุ 15-29 ปี สูงประมาณ 9% ซึ่งสูงเกือบ 3 เท่าของค่าเฉลี่ยของประเทศ อ้างอิงจากสำนักงานสถิติเกาหลีใต้ โดยทั่วไปแล้ว คนหนุ่มสาวมีความสนใจในการซื้อขายเงินดิจิทัลมากกว่าผู้ที่สูงวัยกว่า
ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ เกาหลีใต้มีสัดส่วนการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสกุลเงินบิทคอยน์ อีเธอเรียม และริปเปิล โดยเมื่อช่วงต้นเดือน ราคาของริปเปิลร่วงลงต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจาก CoinMarketCap ระบุว่า ไม่ได้รวมราคาแลกเปลี่ยนจากเกาหลีใต้เนื่องจากราคาที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากที่อื่นๆ ในโลก
หน่วยงานที่กำกับดูแลของเกาหลีใต้ออกมาเตือนประชาชนในการลงทุนเรื่องเงินดิจิทัลมากขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ล่าสุด เพื่อพยายามที่จะจำกัดการเก็งกำไรในสกุลเงินดิจิทัลที่กำลังได้รับความนิยม
โดยบิทคอยน์ราคาดิ่งร่วงลงกว่า 17% ต่ำที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ หลังจากคิมดองยอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเกาหลีใต้ระบุว่า รัฐบาลอาจเลือกที่จะปิดการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล อ้างอิงจากรายงานในภาษาอังกฤษเมื่อเช้าวันที่ 16 ม.ค.ของสำนักข่าวยอนฮัปในเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีอีนาคยอนระบุในรายงานจากสำนักข่าวยอนฮัปอีกชิ้นว่า การปิดการแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลต้องผ่านการเห็นชอบจากสมัชชาแห่งชาติ.