ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 14-15 ธ.ค. 2564
“ถ้าเกิดคิดแบบเดิม ทำแบบเก่าบริหารแบบเก่า จะแก้ปัญหาได้ มันคงแก้ไปได้เมื่อ 10 , 20 ปีที่แล้วไม่ใช่เหรอครับ” นั่นเป็นคำพูดในการแสดงวิสัยทัศน์ของ “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” หรือดร.เอ้ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โดย ประกาศนโยบาย “เปลี่ยนกรุงเทพเราทำได้” พร้อมแก้ไขปัญหาเมืองหลวงโดยวิธีการใหม่ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อให้ตอบโจทย์คนกรุงมากขึ้น “ดร.เอ้” ประกาศว่า หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.จะทำให้กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองต้น แบบแห่งภูมิภาคอาเซียนให้จงได้
เรื่องที่ 602 เมื่อมี “ดร.เอ้” และ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีต รมว.คมนาคม ซึ่งฟอร์มดีไม่ตกเป็นว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ดังนั้น ขณะนี้ คนที่คิดหลักจึงน่าจะเป็น “พรรคพลังประชารัฐ” และ “พรรคก้าวไกล” ที่ต้องคิดให้รอบคอบว่าจะส่งใครมาแข่งกับ 2 ตัวท็อป อย่าง “ชัชชาติ” และ “ดร.เอ้” ถึงจะพอสู้ได้ไม่อายนัก แม้ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า พลังประชารัฐ จะนำเสนอ “ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร” หรือ “ผู้ว่าหมูป่า” ลงแข่งขัน แต่ดูชั้นเชิงแล้วยังห่างไกลเมื่อเทียบกับ 2 ตัวจี๊ดที่ว่ามา
ขณะที่พรรคก้าวไกล เตรียมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครในเดือนหน้ามกราคม ปีหน้า แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาใครมาแข่งกับทั้ง “ชัชชาติ” และ “ดร.เอ้” ได้ เพราะต้องบอกว่า ทั้ง 2 คนนี้ ถือว่ามาตรฐานสูงแล้ว สำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้บก.ขวนคุย
เรื่องที่ 603 กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เดินหน้าขับเคลื่อน โครงการอนุรักษ์พลังงาน เตรียมงบกว่า 430 ล้านบาท หวังจูงใจ ผู้ประกอบการทั้งวิสาหกิจชุมชน เกษตรกร SME กลุ่ม Startup และภาคขนส่ง ปรับ เปลี่ยน ปรับปรุง เครื่องจักร วัสดุ โรงงาน อาคาร เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน “ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ” อธิบดีพพ. บอกเงินสนับสนุนนี้ จัดแบ่งเป็นกลุ่มโรงงาน อาคารควบคุม 20% กลุ่มผู้ประกอบการเกษตรกร กลุ่มธุรกิจ Startup จะสนับสนุนเงินลงทุน 30% โดยจะสนับสนุนวงเงินสูงสุดไม่เกิน 3,000,000 บาทต่อราย และสนับสนุนเงินในภาคขนส่ง 30% วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และนอกจากผลักดันให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานที่เป็นรูปธรรมแล้ว ยังจะช่วยกระตุ้นตลาดการซื้อขายเครื่องจักร อุปกรณ์ วัสดุเพื่อการประหยัดพลังงาน สร้างเงินลงทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 2,300 ล้านบาท อีกด้วย และยังประหยัดพลังงานในภาพรวมสูงถึง 764 ล้านบาทต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 100,000 ตันคาร์บอนต่อปี และเป็นก้าวสำคัญผลักดันให้ประเทศไทยพร้อมก้าวไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำในอนาคตอย่างยั่งยืน ด้วยอีกนะ ได้ประโยชน์หลายต่อ คุ้มค่าจริงๆ
เรื่องที่ 604 ข่าวดีจาก บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ EE ตัวจริงด้านการเกษตรกรรมที่เข้าลงทุนในผู้ประ กอบการต้นน้ำธุรกิจกัญชงดาวรุ่งอย่าง บริษัท แคนนาบิซ เวย์ จำกัด หรือ CW ของ “นางฟ้ากัญชา” หรือ “อุนารินทร์ กิจไพบูลทวี” โดยล่าสุด บริษัทแม่-ลูกควงแขนกันเฮดัง หลังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี (สสจ.สระบุรี) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไฟเขียวอนุมัติให้ใบอนุญาตผลิต (ปลูก) ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“นางฟ้ากัญชา-อุนารินทร์ กิจไพบูลทวี” กรรมการผู้จัดการ CW บอกว่า เป็นข่าวดีมากๆ สำหรับ CW ที่ได้รับใบอนุญาตฯอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเร็วกว่ากำหนดที่คาดการไว้ สำหรับการเริ่มเพาะปลูกในเฟสแรกทันที 30,000 ต้น ใช้ระยะเวลาเพาะปลูกเพียง 2-3 เดือนก็สามารถขายผลผลิตได้ ส่วนเมล็ดพันธุ์กัญชงที่ใช้เพาะปลูกก็ส่งตรงมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นสายพันธุ์ ที่ทางบริษัทศึกษาและเลือกมาแล้วว่าให้สาร CBD สูง และจะใช้เทคโนโลยีการปลูกแบบระบบ “เกษตรอัจฉริยะ” ที่ทางบริษัทศึกษาและพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยนเรศวร จุดเด่นคือสามารถควบคุมแสง อากาศ อุณหภูมิ ความชื้น ปุ๋ย น้ำ พร้อมทั้งระบบไล่แมลงแบบครบวงจร ทำให้สามารถปลูกกัญชงและกัญชาได้ตลอดทั้งปี 500,000 ต้น ใครอยากศึกษา เรียนรู้ เชิญได้ ที่ ฟาร์มเพาะปลูก อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี นะครับ
เรื่องที่ 605 ประเด็นใหญ่ที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ หลังจากธนาคารกรุงไทย ระดมทั้งคน เงินและสมองก่อตั้งบริษัท Arise by Infinitas บริษัทที่ผลิตนวตกรรมทางการเงิน โดยทีมงานที่เชี่ยวชาญทั้งทางด้านการเงิน คอมพิวเตอร์และอื่นๆ มาร่วมตัวกันอยู่ในทีเดียวกัน หรือที่เรียกว่า “นวัตกร” (Innovator) หมายถึง คนแรกในการกระทำสิ่งต่างๆ มีความรู้ มีความ สามารถในการเข้าใจ และประยุกต์ใช้ความรู้ มีความคิดสร้างสรรค์ รับมือกับอุปสรรคในระหว่างการพัฒนานวัตกรรมได้ นอกจากนี้ นวัตกรยังต้องกล้าทำสิ่งใหม่ ๆ กล้าเสี่ยงอย่างชาญฉลาด กล้าคิดต่างอย่างสร้างสรรค์ในการทำให้เกิดการนวัตกรรมใหม่ๆ
อ่านแล้วไม่ต้องงง ใครมีลูกหลานมีความรู้ทางด้านวิศวกรรม การเงิน คอมพิวเตอร์ รีบส่งไปทำงานที่นี้ โดยด่วน เพราะหัวเรือใหญ่ของธนาคาร “ผยง ศรีวณิช” ระบุว่า อีก 5 ปี บริษัทจะสร้างรายได้ 20,000 ล้านบาท มีพนักงาน 1,000-1,500 คน ทำงานให้กับทุกหน่วยงานของไทยที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพจากนวัตกรรม และยังรับทำงานให้กับบริษัทต่างๆ ทั่วโลกได้อีกด้วย
เนื่องจาก Arise by Infinitas ไม่ใช่ใครที่ไหน แท้ที่จริงก็คือ แอพฯ “เป๋าตัง” มีผู้ใช้งานในปัจจุบันประมาณ 33 ล้านคน ซึ่งแอพฯ นี้ มีความสามารถพิเศษเหนือชั้นว่า แอพทั่วไป เช่น จ่ายครึ่ง ไม่จ่ายครึ่ง จ่ายแล้วรอโอนเงินรอโอนเงินพรุ่งนี้ หรืออีก 1-2 วัน จากโครงการคนละครึ่ง ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่ไม่มีแบงค์สามารถทำหรือเรียนแบบได้เลยเวลานี้
Arise by Infinitas ล่าสุดได้เข้าไปช่วยพัฒนา GFMIF ของกรมบัญชี โดยพัฒนาขึ้นมาใหม่แล้ว เปลี่ยนชื่อเป็น New GFMIS Thai โดยจะเริ่มต้นใช้งานจริง ในวันที่ 4 ม.ค.ปีหน้า และยังร่วมกับธนาคารกรุงไทย เปิดตัวระบบลงทะเบียนผู้มาติดต่อออนไลน์ทาง Customs Trader Portal อีกด้วย ทำให้ในอนาคต Arise by Infinitas ไม่ใช่บริษัทที่ผลิตนวัตกรรม และสร้างนวัตกรอีกต่อไป แต่จะเป็นเคทีบีเอ็กซ์ (KTBx) ยานแม่ของเคทีบี ยานแม่ของธนาคารรัฐ เมื่อมองเห็นแบบนี้ รู้เลยว่า ปัญหาตัวแม่ที่แท้จริง ไม่ใช่ใครที่ไหน “ธนาคารแห่งประเทศไทย” นั่นเอง
โดยนพวัชร์