BOI ออกมาตรการพิเศษ เร่งลงทุนอุตฯระบบราง
วันนี้(11 ม.ค.62) ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้พิจารณามาตรการสำคัญ 2 เรื่อง ได้แก่ การสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบราง และการปรับปรุงเงื่อนไขและเพิ่มกิจการท่องเที่ยวใหม่
ซึ่งจะช่วยให้เกิดการกระจายรายได้และสร้างโอกาสในการลงทุนสู่ภูมิภาค รวมทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมโยงเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปสู่การท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่น ดังนี้
1. มาตรการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง สืบเนื่องจากในอนาคต จะมีการพัฒนาระบบรางระยะทางรวมมากกว่า 6,000 กิโลเมตร ทั้งรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้า และรถไฟความเร็วสูง จึงเป็นโอกาสอันดีในการสร้างอุตสาหกรรมในประเทศจากความต้องการในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ด้วยการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย และลดการพึ่งพาการนำเข้า
ที่ประชุมบอร์ดบีโอไอ จึงเห็นชอบให้ปรับปรุงประเภทกิจการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการผลิตชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์สำหรับระบบรางที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญ และการผลิตชิ้นส่วนและ/หรือระบบสนับสนุนที่จำเป็น อาทิ การผลิตโครงสร้างหลัก ตู้โดยสาร ห้องควบคุมรถและอุปกรณ์ โบกี้ ระบบห้ามล้อและ/หรือชิ้นส่วนสำคัญ ระบบไฟฟ้าและระบบจ่ายไฟฟ้า ระบบควบคุมและระบบอาณัติสัญญาน รางและชิ้นส่วนราง เป็นต้น รวมทั้งการออกแบบทางวิศวกรรม
นอกจากนี้ ยังกำหนดมาตรการพิเศษเพื่อเร่งให้เกิดการลงทุนในกลุ่มกิจการอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับแผนงานรองรับระบบขนส่งมวลชนทางรางของภาครัฐในอนาคต โดยกิจการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2564 นี้ จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นระยะเวลา 3-5 ปี นับจากวันสิ้นสุดการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลของโครงการ ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากเกณฑ์ปกติ หากลงทุนตามเงื่อนไขที่กำหนด
2. นโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การท่องเที่ยวเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ภาคอื่นๆ ได้ ทั้งในภาคเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ จึงควรกระตุ้นให้เกิดการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว และการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น และสอดคล้องกับทิศทางยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน คณะกรรมการฯ จึงเห็นชอบให้ปรับปรุงประเภทกิจการด้านการท่องเที่ยวที่ให้การส่งเสริมอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งเปิดให้การส่งเสริมประเภทกิจการใหม่ ดังนี้
1) ปรับปรุงแก้ไขหรือขยายขอบเขตประเภทกิจการ รวมถึงเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุนเดิม อาทิ กิจการพิพิธภัณฑ์ เพื่อส่งเสริมกิจการพิพิธภัณฑ์ในรูปแบบที่หลากหลายขึ้น รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ในเมืองรองต่าง ๆ
2) เพิ่มประเภทกิจการ ได้แก่ 1.กิจการท่าเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (CRUISE TERMINAL) เพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อรองรับการท่องเที่ยวสำราญทางน้ำ โดยเฉพาะเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (CRUISE) 2.กิจการสร้างแหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ เพื่อสนับสนุนให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่มีขนาดใหญ่ และได้มาตรฐานสำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยว
พร้อมกันนั้นที่ประชุมยังได้ อนุมัติการส่งเสริมการลงทุนแก่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ในการขยายกิจการผลิตพาราไซลีน วงเงิน 35,960 ล้านบาท ในเขตอุตสาหกรรมของบริษัท จ.ระยอง โดยโครงการนี้จะใช้เทคโนโลยีการผลิตใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นการผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออกที่กำลังขยายตัว
สำหรับพาราไซลีน เป็นสารตั้งต้นหลักสำหรับการผลิตโพลีเอสเตอร์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง เช่น เส้นใยโพลีเอสเตอร์ เม็ดพลาสติกที่ใช้ในการผลิตขวดน้ำดื่ม เป็นต้น และสารเบนซีน (BENZENE) ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตปิโตรเคมีขั้นปลายชนิดพิเศษอื่นๆ.