“เอสซีจี”ลดราคากระเบื้องลอนคู่ช่วยชาวใต้
เอสซีจี ร่วมฟื้นฟูบ้านเรือน ผู้ประสบภัยพายุปาบึก พร้อมร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ลดกระเบื้องหลังคาลอนคู่ 20 % สำหรับซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้กับชาวใต้
นายวิโรจน์ รัตนชัยสิทธิ์ Head of Distribution and Retail Business เอสซีจี กล่าวว่า จากอิทธิพลพายุโซนร้อนปาบึกที่พาดผ่านพื้นที่ภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบกับชาวบ้านในพื้นที่ภาคใต้ 8 จังหวัด โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด มีชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 35,000 คน บ้านเรือนเสียหายกว่า 2,000 หลังคาเรือน
ทั้งนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในระยะประสบภัยสำหรับระยะฟื้นฟู เอสซีจี จึงให้การสนับสนุนหลังคาลอนคู่ มูลค่า 2,000,000 บาท ปูนซีเมนต์ มูลค่า 280,000 บาท และหินคลุก จำนวน 500 ตัน ให้แก่ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และนายพิทักษ์ บุญคงแก้ว อุตสาหกรรมจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำหรับนำไปใช้ซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนและถนนที่ชำรุดใน จ.นครศรีธรรมราช และพื้นที่ใกล้เคียงที่ประสบภัย โดยมีพนักงานจิตอาสากว่า 40 คน ร่วมกับกลุ่มผู้รับเหมาและช่าง ลงพื้นที่เพื่อให้คำปรึกษา แนะนำการซ่อมแซมและทำความสะอาดบ้านเรือน วัด โรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และศาลาประชาชน บริเวณชุมชนรอบโรงงาน
และได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด บรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัยในการซ่อมแซมบ้านที่อยู่อาศัยด้วยการลดราคากระเบื้องหลังคาลอนคู่สี รุ่นไฮบริดทุกสี ลอนคู่ซีเมนต์ และลอนคู่ตราร่ม สูงสุด 20% ซึ่งพี่น้องชาวใต้สามารถหาซื้อได้ที่ร้านผู้แทนจำหน่ายเอสซีจี หรือร้านค้าวัสดุก่อสร้างทั่วไป จำกัดจำนวนครอบครัวละไม่เกิน 300 แผ่น โดยต้องมีหนังสือรับรองจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดฯ พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชน โดยใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 15 มกราคม 2562 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด”
ขณะเดียวกัน ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี และสำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ได้สำรวจความเสียหายใน 11 กลุ่มประมงพื้นบ้านในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลบ้านฉาง เทศบาลเมืองมาบตาพุด และเทศบาลตำบลเนินพระ เพื่อร่วมหาแนวทางในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุปาบึก และยังได้ร่วมกับเทศบาลเมืองมาบตาพุด กลุ่มประมงพื้นบ้าน และพนักงานจิตอาสากว่า 500 คน ทำความสะอาดและฟื้นฟูชายหาดสนกระซิบ หนองแฟบ ตากวน-อ่าวประดู่ สุชาดา แสงเงิน เก้ายอด และปากคลองตากวน รวมทั้งมอบอุปกรณ์ทำความสะอาดและน้ำดื่มแก่กลุ่มประมง นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับสำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดลงพื้นที่บรรเทาความเดือดร้อนโดยนำพนักงานจิตอาสาลงพื้นที่ตักทรายออกจากเครื่องมือประมงและที่พักอาศัยของชาวประมงซึ่งในบางพื้นที่มีทรายทับถมสูงถึง 2 เมตร