ส.ว.สหรัฐฯผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี
วุฒิสภาของสหรัฐฯ มีมติเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายใหม่ที่จะเป็นการปฏิรูประบบจัดเก็บภาษีครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ ในรอบมากกว่า 3 ทศวรรษ
ก่อนหน้านี้ สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายนี้ไปแล้วอย่างสะดวก ทั้งนี้ พรรครีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ของทั้งสองสภาในสหรัฐฯ
หากกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะกลายเป็นชัยชนะครั้งสำคัญทางกฎหมายเป็นครั้งแรกของประธานาธิบดีโด นัลด์ ทรัมป์ นักวิจารณ์ให้ความเห็นว่า กฎหมายนี้จะยิ่งเอื้อประโยชน์ให้มหาเศรษฐีในสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้น แต่พรรครีพับลิกันโต้ว่า การลดภาษีนิติบุคคล ธุรกิจขนาดเล็ก และภาษีรายได้บุคคลจะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
โดยรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์เป็นประธานในการโหวตลงมติในวุฒิสภาและเป็นผู้ประกาศผลการลงมติ “ในการโหวตครั้งนี้ มีผู้เห็นด้วย 51 เสียง และไม่เห็นด้วย 48 เสียง ถือว่ากฎหมายลดภาษีและงานผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาแล้ว”
ไม่นานก่อนที่จะมีการประกาศผลการลงมติ มีผู้ประท้วงกฎหมายนี้มาชุมนุมกันในห้องโถงของวุฒิสภาและพากันตะโกนว่า “ฆ่ากฎหมายนี้” พวกเขาถูกกันออกไปข้างนอก
ก่อนหน้านี้ มีส.ส.จากพรรครีพับลิกัน 12 คนและพรรคเดโมแครตทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎรที่คัดค้านกฎหมายนี้ แต่ร่างกฎหมายก็ผ่านความเห็นชอบจากส.ส.ในสภามาด้วยคะแนน 227 เสียงต่อ 203 เสียง ซึ่งทำให้ส.ส.พรรครีพับลิกันส่งเสียงโห่ร้องและปรบมือในสภา
พอล ไรอัน โฆษก ระบุว่า “วันนี้ เรากำลังทำให้ประชาชนในประเทศนี้ได้เงินของพวกเขาคืน นี่เป็นเงินของพวกเขาตลอดไป”
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนแล้ว สภาผู้แทนราษฎรจะโหวตลงมติเห็นชอบอีกครั้ง ก่อนที่กฎหมายจะถูกนำไปให้ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
กฎหมายฉบับนี้จะมีผลอย่างถาวรคือ การปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลลงจากเดิม 35% มาอยู่ที่ 21% และยังลดภาษีรายได้บุคคลด้วย แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาชั่วคราวก็ตาม
โดยองค์ประกอบสำคัญอื่นๆของกฎหมายฉบับนี้คือ ลดการเก็บภาษีมรดกลง ขยายจำนวนการลดหย่อนภาษีจากเด็กๆ และลดภาษีลงในผลกำไรที่มาจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการร่วมด้านการจัดเก็บภาษีที่เป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดระบุว่า กฎหมายนี้จะทำให้มูลค่าหนี้ของประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 -20 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใน 10 ปี.