ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 8-9 พ.ย.2564
อันโพลการเมืองในประเทศไทยนั้นมีหลากหลายสำนัก มีทั้งน่าเชื่อถือและไม่น่าเชื่อถือ มีทั้งโพลที่เป็นผลสำรวจเชิงวิชาการ และโพลการเมืองเพื่อตอบสนองคนบางกลุ่มบางพวก หรือเรียกง่ายๆว่าโพลรับจ้าง
เรื่องที่ 466 ในช่วงที่การเมืองกำลังจะนับหนึ่งเข้าสู่โมทการเลือกตั้งใหม่นั้น โพลเกี่ยวกับการเมืองต่างได้รับความสนใจจากประชาชน เพราะถือเป็นการยั้งเสียงคะแนนนิยมของประชาชนที่มีต่อพรรคการเมืองหรือนักการเมืองในเบื้องต้น ว่าพรรคการเมืองใดนักการเมืองคนไหน ได้รับความนิยมมากหรือคะแนนความนิยมตกต่ำ
นั่นเพราะโพลสามารถชี้นำความสนใจของประชาชนได้
ในเวลาเดียวกันก็เป็นโอกาสทองที่โพลรับจ้าง จะได้เวลากอบโกย เพราะจังหวะนี้แหละ เป็นช่วงเวลาสำคัญที่นักการเมืองหรือพรรคการเมือง จะใช้บริการโพลรับจ้าง เผยแพร่ผลสำรวจของตนว่าได้รับความนิยมลำดับต้นๆ หรือมีผลงานที่ดีเข้าตาประชาชน
โพลรับจ้างไม่ใช่ผลสำรวจเชิงวิชาการ หากแต่เป็นการรับงาน เพื่อสร้างกระแสในสังคม
เขียนมานี้ ก็เพื่อจะบอกท่านผู้อ่านว่าสำนักโพลมีทั้งดีและแฝงด้วยผลประโยชน์ เข้าข้างฝั่งหนึ่งเพื่อโจมตีอีกฝั่งหนึ่ง อวยฝั่งหนึ่ง เพื่อด้อยค่าฝั่งหนึ่ง โปรดใช้วิจารณญาณในการเลือกรับบริโภค
เรื่องที่ 467 ขาข้างหนึ่ง…คัดค้าน ต่อต้าน และเสนอแนะควบคู่กันไป เพื่อความอยู่รอดของอุตสาหกรรมรถยนต์ใช้น้ำมัน แต่ขาอีกข้างหนึ่ง “พี่ใหญ่” โตโยต้า…ก็เดินหน้าสร้างรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบออกมา หวังแข่งขันกับเจ้าตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นตลาดรถ EV เกรดพรีเมียมจากฝั่งสหรัฐฯ หรือ EV ที่ไต่ได้ทุกระดับราคาจากฟากจีน เรื่องของผลประโยชน์ ก็ต้องเล่น “2 หน้า” เป็นเรื่องธรรมดาในเชิงธุรกิจ เข้าใจกันกัน ฉะนั้น แรงบีบรัดใดๆ จากกลุ่มผลประโยชน์ที่มีหลายหน้าให้เลือกเล่น ก็ไม่ควรจะปล่อยให้ล้ำเกินผลประโยชน์ของชาติและประชาชน เข้าใจว่าเรื่องนี้ “เดอะบั๊ด” ลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต คงรับมือพวกญี่ปุ่นได้อยู่ ก็ถ้าเป้าหมาย และแผนยุทธศาสตร์ของไทย เรื่อง “กรีน แท็กซ์” ตั้งต้นและเดินเรื่องเอาไว้อย่างนี้…ก็ไม่ควรจะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขใดๆ ที่จะปิดกั้นไม่ให้ไทยก้าวสู่เบอร์ใหญ่อันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ของภูมิภาคนี้ เข้าใจตรงกันนะ
เรื่องที่ 468 เมื่อก่อน…หาก ธ.ก.ส. แบงก์รัฐที่คอยดูแลครอบครัวเกษตรกรและธุรกิจใกล้เคียง…หลายสิบล้านครัวเรือน ไปจับมือกับห้างนี้ มีหวังโดนครหา “เอื้อฝรั่ง!” แน่! แต่หลังจาก “เจ้าสัวธนินท์” ซื้อคืนกิจการ “โลตัส” ที่ไม่มี “เทสโก้” เป็นคำนำหน้ากลับมา ข้อครหาบนความร่วมมือครั้งใดๆ…ก็คงไม่บานปลายเกินควบคุมได้ แม้เบื้องหลัง “โลตัส” จะมีเครือซีพี. ที่กินรวบธุรกิจการเกษตรในเมืองไทย เป็นเงาทะมึนก็ตามที รอบนี้…ทั้ง 2 องค์กรผนึกกำลังจัด “ตลาดนัดของดี วิถีชุมชน” ช่วยเหลือเกษตรกร ที่ต้องกลายเป็น “เหยื่อ” ให้กับพิษโควิดฯ และภัยน้ำท่วมในเวลาเดียวกัน ได้มีช่องทางขายสินค้าเกษตร รวมถึงผลิตภัณฑ์และของดีจากชุมชน สร้างงานสร้าง้รายได้เพิ่มขึ้น กำหนดพื้นที่เป้าหมายจัดงาน ณ ห้างโลตัส รามอินทรา เริ่ม 8 – 10 พ.ย.นี้ ใครอยู่ใกล้หรือพอมีเวลา ช่วยๆ ไปอุดหนุนสินค้าของพี่น้องเกษตรกรไทยทีเหอะ! ยามนี้…แม้รถไฟฟ้า BTS วิ่งผ่านถึงหน้าห้างฯ แบบลิบๆ ก็ต้องถือว่า…เดินทางได้สะดวกแล้ว
เรื่องที่ 469 ฉุดไม่อยู่? นับเป็นยุคของค่ายเมืองไทยฯจริงๆ กับฝั่งประกันชีวิต ในความรับผิดชอบของ “ป้อง – สาระ ล่ำซำ” ก็กวาดรางวัลแล้วรางวัลเล่า? ทั้งในและนอกประเทศ จนอาจต้องขยายห้องเก็บรางวัล “ฮอลล์ ออฟ เฟรม” กันหรือไม่? บรรยายไม่ถูกเลย! แต่ล่าสุด เพิ่งกวาด 2 รางวัลใหญ่ระดับเอเชีย อย่าง… “Domestic Life Insurer of the Year – Thailand” และ “Health Insurance Initiative of the Year – Thailand” มาจาก Insurance Asia Awards 2021 งานนี้…ยกนิ้วโป้งให้คุณป้องกันเลย…แม้ฟากประกันภัยของ “มาดามแป้ง – นวลพรรณ ล่ำซำ” จะไม่ถึงกับหวือหวา แต่ก็เดินหน้าไปได้เรื่อยๆ และที่ดูไม่ธรรมดา…น่าจะเป็นตำแหน่งใหญ่ “นอกองค์กรธุรกิจ” เสียมากกว่า กับบท “แม่ทูลหัว” ของลูกๆ นักฟุตบอลทีมชาติ U-23 และทีมชุดใหญ่ที่อายุน้อย มีสิทธิจะพลิกผัน…ดันให้ชีวิตส่วนตัว ธุรกิจ และงานการเมืองไปได้สวย ถ้าเจ้าตัวสนใจ! แต่มีเงื่อนไขแรงๆ คือ…ฟุตบอลทีมชาติ “ชุดใหญ่” ก็ต้องฟาดแชมป์ “อาเซียนคัพ” ปีนี้ไปด้วยนะ ผิดจากนี้….ตัวใครตัวมัน!!!
เรื่องที่ 470 สัปดาห์นี้ ยังคงต้องจับตาราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นต้นทุนเชื้อเพลิงหลักในหลายอุตสาหกรรม เมื่อใดราคาน้ำมันแพงก็แน่นอนว่าย่อมส่งผละกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน..เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (1 – 5 พ.ย. 64) ราคาน้ำมันดิบโลก ในตลาดเวสต์เท็กซัส(สหรัฐ) ปรับลดลง 2.30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 81.27 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (ลอนดอน) ปรับลดลง 1.64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 82.74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ..ส่วนราคาน้ำมันในบ้านเรา คงที่ นิ่งๆไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใด..
แต่สัปดาห์นี้ (8 – 12 พ.ย. 64) น่าจะมีอะไรให้ตื่นเต้น ..เพราะจากการวิเคราะห์ แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบจากหลายสำนัก ชี้ชัดตรงกันว่าเคลื่อนไหว ที่กรอบ 79-86 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ทั้งสองตลาดฯ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ภายหลังจากการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ..ภาครัฐเองก็เตรียมรับมือราคาน้ำมันแพง ด้วยการกู้เงินอีก 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใช้อุดหนุนราคาพลังงาน และก็เปิดช่องให้กู้เพิ่มอีก หากราคาน้ำมันแพงขึ้น..เพื่อให้ราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร..
ขณะที่กลุ่มรถบรรทุกก็ยังคง “ยืนกราน” ที่จะขอให้รัฐลดราคาน้ำมันลงมาเหลือ 25 บาทต่อลิตร เรียกร้องมาตั้งแต่ 19 ต.ค. 2564 จนถึงวันนี้ “ธนะสันติ์ กุลเภศรานนท์” รองเลขาธิการสมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน บอก ก็ยังไม่มีความชัดเจนจากรัฐบาลว่าจะช่วยเหลืออะไรเลย หากเป็นเช่นนี้ เครือข่ายผู้ประกอบการรถบรรทุกขนส่งสินค้าทั่วประเทศ ก็จะนัดรวมตัวกันเคลื่อนขบวนรถมาจากทุกสารทิศ เข้าสู่กรุงเทพมหานครเป็นรอบที่ 2 ในวันที่ 16 พ.ย.64 นี้ และยังย้ำคำเดิมอีกว่า หากไม่ได้รับความช่วยเหลือปรับลดราคาน้ำมันลง คงต้องขึ้นราคาค่าขนส่งเพื่อให้เหมาะสมกับราคาน้ำมัน..
กระทั่ง “สุพันธุ์ มงคลสุธี” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยังร้องขอให้ภาครัฐเร่งแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง เพราะส่งผลกระทบต่อต้นทุน ราคาวัตถุดิบ ราคาค่าขนส่ง มิเช่นนั้น ผู้ประกอบการ จำเป็นต้องมีการปรับขึ้นราคาสินค้าเช่นกัน และยังขอให้รัฐบาลตรึงค่าเอฟทีไปอีกสักระยะ เพื่อไม่ให้เป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้ประกอบการและประชาชน..ยิ่งฟังยิ่งเครียด และยิ่งมารู้ว่าค่าไฟจะปรับขึ้นอีก..ยิ่งเครียดหนักกว่าเดิมอีกครับพี่น้อง..
โดย นพวัชร์