ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 4-5 พ.ย.2564
“วันที่ 3 พ.ย.2564 สภาผู้แทนราษฎร ล่มไม่เป็นท่า ทั้งที่เพิ่งเปิดประชุมวันแรก พิจารณาร่างกฎหมายเพียงฉบับเดียว ผู้แทนปวงชนชาวไทยก็โดดร่ม มาประชุมบางตา เก้าอี้วางเยอะแยะ บ้างไม่เสียบบัตรแสดงตน ทำให้การประชุมเดินหน้าต่อไปไม่ไหว จึงต้องปิดการประชุม เลื่อนพิจารณากฎหมายไปเป็นสัปดาห์หน้า เท่ากับว่าเสียเวลาไปอีกสัปดาห์หนึ่ง”
เรื่องที่ 451 การในเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันแรก เริ่มที่เวลา 09.30 น. ประธาน “ชวน หลีกภัย” เปิดให้ท่านผู้แทนได้หารือถึงปัญหาความเดือนร้อนประชาชน ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพยานในคดีอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ…. การประชุมดำเนินไปถึงเวลา 17.00 น. ที่ประชุมพิจารณากฎหมายดังกล่าวในวาระ 2 มาตรา 6 “สุชาติ ตันเจริญ” รองประธานสภา สั่งตรวจสอบองค์ประชุมเพื่อจะขอมติ โดยกดสัญญาณเรียกหลายรอบ แต่ปรากฎว่ามีแนวโน้มที่องค์ประชุมจะไม่ครบ จึงสั่งปิดการประชุมทันที ทำให้สภาล่มตั้งแต่วันแรกที่เปิดประชุม
สถานการณ์เป็นเช่นนี้ แล้วอีก 4 เดือนหลังจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรปวงชนชาวไทย จะเป็นอย่างไร กฎหมายสำคัญ รวมถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจะได้การเหลียวแลแก้ไข หรือไม่ครับท่านผู้แทนฯ
เรื่องที่ 452 เรื่องวิสัยทัศน์ความเป็น “ผู้นำ” ของคน มันห้ามและฉุดกันไม่อยู่จริงๆ หากมองในมุมบวก เรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ สั่งแก้เพดานเงินกู้ของภาครัฐ จากสัดส่วนเดิมที่ 60% เป็น 70% ของจีดีพีก่อนหน้านี้ ถือเป็นการมองการณ์ไกลล่วงหน้านานเป็นปี และที่ใครหลายคนปรามาสคนเป็น “หัวหน้ารัฐบาล” ทำนองว่า นึกอะไรไม่ออก ก็กู้กันสถานเดียว เพราะง่ายดีนั้นลองมาฟังอีกมุมจาก “แพตริเซีย มงคลวนิช” ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ดูก่อน
“แพต” ยืนยันว่า เหตุที่รัฐบาลไทยต้องกู้กันมากขนาดนี้ ต่อให้ไม่มีเรื่องโควิด-19 ที่รัฐบาลต้องกู้เงินมาใช้แก้ไขปัญหาทั้งระบบถึง 2 รอบๆ แรก 1 ล้านล้านบาท ใช้ไปหมดนานแล้ว และรอบล่าสุด อีก 5 แสนล้านบาท ซึ่งกู้ไปแล้วบางส่วน เหลือให้กู้เพิ่มเติมในปีนี้ มีแค่ 3 แสนกว่าล้านบาทเท่านั้น กระนั้น จากการทำงบประมาณขาดดุลในปีนี้กว่า 7 แสนล้านบาท และอีก 3-4 หมื่นล้านบาท ที่จะต้องกู้มาเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาประเทศ เบ็ดเสร็จรัฐบาลไทยจะต้องกู้เงินก้อนใหม่ในปีงบประมาณ 2565 รวมกันราว 1.12 ล้านล้านบาท แต่บังเอิญว่า หนี้ก้อนเก่าที่ถูกนำไปมัดรวมเป็นหนี้สาธารณะอยู่ก่อน ดันครบ “ดีล” คือ ครบกำหนดไถ่ถอน ขณะที่หนี้เก่าบางก้อน รัฐบาลจำเป็นจะต้องทำการ “รีไฟแนนซ์” เพื่อเงื่อนไขที่ดีกว่า ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าและระยะเวลาการก่อหนี้ที่ ยาวนานกว่า
เบ็ดเสร็จ…รวมหนี้เก่าที่ต้องทำการกู้กันใหม่ โดยไม่กระทบเพดานหนี้เดิมราว 1.19 ล้านล้านบาท หากนับรวมเงินกู้ที่ “รัฐบาลประยุทธ์” จะต้องหาแหล่งกู้เงินในปีงบประมาณ 2565 ทั้งหนี้ก้อนใหม่และหนี้เก่าจะมีรวมกันราว 2.3 ล้านล้านบาทเศษ โดยหากรัฐบาลสามารถจะกู้เงินก้อนใหม่ได้เต็มที่ 1.12 ล้านล้านบาท ตรงนี้จะเพิ่มสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพี รวมกันก็แค่ 62% เท่านั้น แต่ถ้าย้อนไปดูสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีในปีงบประมาณ 2564 จะเห็นชัดว่า มีไม่ถึงเพดานเดิมด้วยซ้ำ เพราะ ณ สิ้นเดือน ก.ย. พบสัดส่วนของหนี้สาธารณะแค่เพียง 57.89%
ผู้อำนวยการสบน. แจงว่า ที่ผ่านมารัฐบาลเดินหน้าลงทุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ โดยเฉพาะระบบรางต้องใช้จ่ายเม็ดเงินเป็นจำนวนที่มากมายมหาศาล เพื่อยกระดับการคมนาคมขน ส่งของไทยให้เติบแบบก้าวกระโดด เงินเหล่านี้ ส่วนใหญ่มาจากการกู้เงินและเป็นการกู้เงินในประเทศเป็นหลัก เพียงแต่ว่า สถานการณ์นี้ รัฐบาลกู้ในประเทศมาเยอะมากแล้ว หากเกิดภาวะตึงตัว รัฐบาลก็พร้อมจะกู้เงินจากต่างประเทศ ซึ่งตอน นี้ก็มีหลายเจ้าที่เสนอตัวมาพร้อมกับเงื่อนไขดีๆ บ้างแล้ว เพียงแต่รอดูความเหมาะสมเท่านั้น บทสรุปเรื่องนี้ ถ้า พล.อ.ประ ยุทธ์ ไม่มองการณ์ไกลหรือไร้วิสัยทัศน์ความเป็น “ผู้นำ” ล่ะก็ ป่านประเทศไทยจะหากู้เงินจากไหนมาพัฒนาประเทศได้บ้าง มันเป็นเรื่องของที่มีวัยทัศน์จริงๆ
เรื่องที่ 453 เป็นใครก็ต้องตกใจ เพราะอยู่ๆ ไดร์เป่าผมที่เสียบทิ้งไว้เฉยๆ บนโต๊ะเครื่องแป้งเกิดไฟลุกไหม้ และลามไปเผา เสื้อผ้า กระเป๋า มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำ 5 แสนบาท เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่บ้านพักของ เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ และก่อนหน้านี้ก็มีเหตุการณ์คล้ายๆ กันเกิดขึ้น จากการสั่งซื้อไดร์เป่าผมจากร้านค้าออนไลน์ เป็นคลิปที่แชร์กันว่อนในสังคมออนไลน์ แค่เสียบปลั๊กกดเปิดไดร์เป่าผม แทนที่จะมีไอความร้อนออกมากลับเป็นเปลวไฟลุกขึ้นมาแทน ใครเห็นก็เสียว ดีที่ยังไม่ได้นำไปเป่าผม ไม่งั้นคงแห้งยันหนังหัว
เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยมากๆ จนผู้บริโภคขวัญผวา “บรรจง สุกรีฑา” เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม (สมอ.) จึงเร่งเดินหน้ามาตรการคุมเข้มป้องกันไม่ให้สินค้าด้อยคุณภาพเข้ามาในราชอาณาจักร โดยเฉพาะสินค้าที่ สมอ. ควบคุมทั้ง 126 รายการ ไม่ว่าจะเป็น ปลั๊กพ่วง เตาปิ้งย่าง กระทะไฟฟ้า หม้ออบลมร้อน ไดร์เป่าผม ที่หนีบผม พัดลม หม้อหุงข้าว หลอดไฟ สปอตไลท์ หลอดไฟแอลอีดี ภาชนะจานชามเมลามีน ของเด็กเล่น พาวเวอร์แบงค์ อะแด็ปเตอร์ เป็นต้น
กรณีไดร์เป่าผมเกิดไฟไหม้ “บรรจง” บอกว่าเป็นเพราะสินค้าด้อยคุณภาพ จากตรวจสอบพบว่าเป็นสินค้าราคาถูก ที่นำเข้าจากต่างประเทศ และไม่มีเครื่องหมาย มอก. ซึ่งส่วนใหญ่มักจะจำหน่ายทางออนไลน์ ตอนนี้ได้เรียกเก็บตัวอย่างไดร์เป่า ผม มาทดสอบคุณภาพทั้ง 65 รายแล้ว และเตือนไปยังผู้บริโภคควรใช้สินค้าที่มี มอก.รับรอง จะดีกว่าเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทราบว่าเมื่อเร็วๆนี้ สมอ.ก็ได้ประสานไปยัง กรมศุลกากร เพื่อสุ่มตรวจสินค้าที่ด่านศุลกากร เช่น อรัญประเทศ ช่องเม็ก แม่สาย และแม่ฮ่องสอน ฯลฯ เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเข้ามาจำหน่าย แต่จะป้องกันได้แค่ไหนก็ไม่รู้ เพราะขนาดแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายยังหลุดรอดเข้ามาได้
เรื่องที่ 454 ข่าวดีสุดๆ สำหรับพี่น้องชาวไทย นอกจาก ครม.จะมติประกาศวันหยุดประจำปี 2565 แล้ว ยังไม่ลืมวันหยุดประจำภาคของพี่น้องชาวภาคตะวันออก เป็นวันอังคารที่ 28 ธ.ค.2564 ซึ่งเป็นวันพระเจ้าตากสินมหาราชเท่ากับหยุดยาวกันตั้งแต่ต้นสัปดาห์ของสัปดาห์สุดท้ายปี2564 แล้วกลับมาทำงานอีกครั้งต้นปี2565 ถ้ามีเงินถือว่าโชคดี หยุดยาวพักผ่อนใช้เงินช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ แต่ถ้าโชดร้ายไม่มีเงิน หยุดนอนอยู่บ้านรอเพื่อนเรียกร่วมฉลองปีใหม่กันครับ
ส่วนวันหยุดประจำปี2565 ครม.เคาะออกมาเรียบร้อยแล้ว “อิ่มอกอิ่มใจ” กันทั่วหน้า มีวันไหนหยุดบ้างไปดูกัน แล้วอย่าลืมเซฟเก็บไว้เป็นปฏิทินวันหยุดตลอดทั้งปีนี้นะครับ!!
ภาพรวมวันหยุดราชการประจำปี 2565 จำนวน 19 วัน และ ครม.เห็นชอบการกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษประจำปี 2565 จำนวน 4 วัน ได้แก่ วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม 2565 ทำให้มีวันหยุดยาวติดต่อกัน 5 วัน, วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565 ทำให้มีวันหยุดยาวติดต่อกัน 4 วัน, วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2565 ทำให้มีวันหยุดยาวติดต่อกัน 4 วัน และวันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม 2565 ทำให้มีวันหยุดติดต่อกัน 4 วัน
สำหรับวันหยุดราชการประจำปี 2565 จำนวน 19 วันดังนี้ วันขึ้นปีใหม่ 1มกราคม, วันหยุดชดเชยวันขึ้นปีใหม่ 3 มกราคม, วันมาฆบูชา 16 กุมภาพันธ์, วันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ 6 เมษายน, วันสงกรานต์ 13-15 เมษายน รวม 3 วัน, วันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม, วันพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เดือนพฤษภาคม ซึ่งทางสำนักพระราชวังจะประกาศว่าเป็นวันไหนเป็นปีๆไป, วันวิสาขบูชา 15 พฤษภาคม, วันหยุดชดเชยวันวิสาขบูชา 16 พฤษภาคม, วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน, วันอาสาฬหบูชา 13 กรกฎาคม, วันเข้าพรรษา 14 กรกฎาคม, วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28กรกฎาคม, วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงและวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม,
วันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม, วันปิยมหาราช 23 ตุลาคม, วันหยุดชดเชยวันปิยมหาราช 24 ตุลาคม, วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม, วันรัฐธรรมนูญ 10ธันวาคม, วันหยุดชดเชยวันรัฐธรรมนูญ 12 ธันวาคมและวันสิ้นปี 31 ธันวาคม
ส่วนวันหยุดประจำภาค ในปี 2565 จะมีการการประเมินสถานการณ์และประกาศกำหนดล่วงหน้าเมื่อมีจังหวะที่สมควรต่อไปครับ สวัสดีนะจ๊ะ!!
โดย นพวัชร์